ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันเสาร์, 27 เมษายน 2567

ศาลสูงสหรัฐฯ กลับคำสั่งศาลอุทธรณ์ ยอมให้ทรัมป์แบนผู้ลี้ภัย


ศาลสูงสหรัฐฯ พิพากษายกเลิกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ที่ให้ระงับคำสั่งแบนผู้ลี้ภัยของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยที่ได้เอกสารรับรองจากองค์การด้านการตั้งหลักแหล่งใหม่ราวๆ 24,000 คน ไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้

ศาลสูงสหรัฐฯ พิพากษาให้คำสั่งห้ามผู้ลี้ภัยเดินทางเข้าสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี กลับมามีผลบังคับอีกครั้ง หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งระงับคำสั่งแบนผู้ลี้ภัย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ลี้ภัยที่ได้รับเอกสารรับรองจากองค์กรด้านการตั้งหลักแหล่งใหม่ไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ โดยคำสั่งนี้จะกระทบต่อผู้ลี้ภัยราวๆ 24,000 คน

อย่างไรก็ตาม ศาลสูงสหรัฐฯ ไม่ได้ระบุถึงเหตุผลที่ให้คำสั่งฉบับนี้กลับมามีผลบังคับใช้อีกครั้ง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า คำพิพากษาในครั้งนี้น่าจะเป็นทางสายกลาง ในการประนีประนอมระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนคำสั่งแบนผู้ลี้ภัยและกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ โดยให้คำสั่งของนายทรัมป์มีผลบังคับใช้ไปก่อนจนกว่าจะถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2017 ที่ศาลสูงได้นัดอ่านคำพิพากษาว่า คำสั่งแบนพลเมืองจาก 6 ประเทศมุสลิมของนายทรัมป์ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายหรือไม่

นายทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งแบนพลเมืองจาก 6 ประเทศมุสลิมฉบับใหม่ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ศาลอุทธรณ์ได้สั่งระงับคำสั่งของนายทรัมป์จนกว่าศาลสูงจะมีคำพิพากษาว่าคำสั่งดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ศาลสูงสหรัฐฯ ได้พิพากษากลับคำศาลอุทธรณ์ โดยให้คำสั่งแบนพลเมืองจาก 6 ประเทศมุสลิมมีผลบังคับใช้บางส่วน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ ได้อนุญาตให้คำสั่งแบนพลเมืองจาก 6 ประเทศมุสลิมของนายทรัมป์กลับมามีผลบังคับใช้จนกว่าศาลสูงจะวินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งฉบับดังกล่าว พร้อมกับกำหนดขอบเขตของคำสั่งนี้ใหม่ โดยอนุโลมให้ญาติสนิทของพลเมืองจาก 6 ประเทศมุสลิม ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีญาติใกล้ชิดอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ แต่ในส่วนของนโยบายแบนผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งแบนพลเมืองจาก 6 ประเทศมุสลิม ศาลอุทธรณ์กลับระบุว่า มีความหมายกว้างเกินไป ศาลจึงงอนุโลมให้ผู้ลี้ภัยที่มีเอกสารรับรองสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้

การที่ศาลสูงสหรัฐฯ พิพากษากลับคำศาลอุทธรณ์โดยไม่ยอมให้ผู้ลี้ภัยทั้งหมดเดินทางเข้าสหรัฐฯ ส่งผลให้นางนอรีน ชาห์ ผู้อำนวยการด้านโครงการความมั่นคงและสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ กล่าวโจมตีคำพิพากษาในครั้งนี้ว่า เป็นคำตัดสินที่น่าหดหู่ ที่ทำลายความหวังของกลุ่มคนที่เปราะบาง ที่พยายามแสวงหาความปลอดภัยให้กับตนเองและครอบครัว พร้อมระบุว่า คำตัดสินนี้ จะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่ไม่สามารถจินตนาการ และความหวาดกลัวที่ชีวิตตกอยู่ท่ามกลางอันตราย

เรียบเรียงโดย: สลิสา ยุกตะนันทน์
voicetv.co.th