ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันอังคาร, 7 พฤษภาคม 2567

ข้าหลวงสิทธิชี้พม่าล้างเผ่าพันธุ์


ชาวปากีสถานชุมนุมประท้วงรัฐบาลพม่าที่นครการาจีเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2560 ภาพ AFP

ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นประณามปฏิบัติการทางทหารอย่างโหดเหี้ยมของเมียนมาต่อชาวโรฮีนจา เป็นตัวอย่างตาม “ตำรา” ของการล้างเผ่าพันธุ์ องค์ทะไล ลามะ ร่อนจดหมายถึง “อองซาน ซูจี” เรียกร้องหาทางออกอย่างสันติ ความขัดแย้งบานปลายม็อบพุทธเมืองมะเกวรังควานมุสลิม

“เราได้รับรายงานมากมายและภาพถ่ายดาวเทียมที่กองกำลังความมั่นคงและกำลังรบชาวท้องถิ่นเผาหมู่บ้านชาวโรฮีนจา และเรื่องราวที่สอดคล้องกันเกี่ยวกับการวิสามัญฆาตกรรม รวมถึงการยิงพลเรือนที่กำลังหนี” ซาอิด ราอัด อัลฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวที่นครเจนีวาเมื่อวันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2560

ซาอิดกล่าวตำหนิเมียนมาด้วยว่า กำลังก่อเหตุโจมตีชาวโรฮีนจาอย่างเป็นระบบ และด้วยเหตุที่เมียนมาไม่อนุญาตให้คณะสอบสวนสิทธิมนุษยชนเข้าพื้นที่ จึงไม่อาจประเมินสถานการณ์ในขณะนี้ได้อย่างเต็มที่ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับตัวอย่างในตำราที่ว่าด้วยการล้างเผ่าพันธุ์

คำกล่าวของข้าหลวงสิทธิฯ ผู้นี้มีออกมาในวันเดียวกับที่องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) ออกแถลงการณ์เปิดเผยยอดผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่เข้ามาถึงเขตคอกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศล่าสุดนับแต่เหตุการณ์รุนแรงปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ว่าเพิ่มเป็น 313,000 คนแล้ว โดยมีผู้อพยพเข้ามาถึง 19,000 คนภายใน 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น

แถลงการณ์ของไอโอเอ็มกล่าวเตือนว่า ยังมีชาวโรฮีนจาเข้ามายังค่ายพักพิงที่แออัดในบังกลาเทศอย่างต่อเนื่องจำนวนมากทุกวัน พวกที่มาถึงใหม่ตามค่ายต่างๆ ล้วนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาชีวิต รวมถึงต้องการน้ำ อาหาร สุขอนามัย และการคุ้มครอง

นอกจากชาวโรฮีนจาที่หนีข้ามแดนเข้าบังกลาเทศแล้ว ชาวพุทธยะไข่และชาวฮินดูอีก 27,000 คนก็ต้องทิ้งถิ่นฐานหนีภัยอยู่ภายในประเทศเช่นกัน

คำบอกเล่าของผู้อพยพชาวโรฮีนจาและนักสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนกล่าวหากองทัพเมียนมาและชาวพุทธยะไข่ว่าวางเพลิงเผาหมู่บ้านเพื่อขับไล่ชาวโรฮีนจา แต่รัฐบาลเมียนมาปฏิเสธ อ้างว่าพวกแนวร่วมอาร์ซาและชาวโรฮีนจาวางเพลิงหมู่บ้านของพวกเขาเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากทั่วโลก

ซาอิดกล่าวย้อนว่า เมียนมาควร “เลิกเสแสร้ง” เรื่องโรฮีนจาเผาบ้านตนเองได้แล้ว และการปฏิเสธความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง กำลังสร้างความเสียหายต่อจุดยืนของเมียนมาในเวทีระหว่างประเทศ

ในวันเดียวกัน องค์ทะไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต ได้ส่งจดหมายใจความสั้นๆ ถึงนางอองซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลเมียนมาโดยพฤตินัย กล่าวว่า มีคำถามจากผู้คนจำนวนมากที่ไม่อาจเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับชาวมุสลิมในเมียนมา ที่ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นเมืองพุทธ พระองค์ขอให้นางซูจีและบรรดาผู้นำในเมียนมาหยิบยื่นไมตรีต่อทุกภาคส่วนในสังคมเพื่อสร้างสันติภาพและความปรองดอง

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าความขัดแย้งข้ามเชื้อชาติศาสนาในเมียนมาได้ลุกลามมากขึ้น มีรายงานของเอเอฟพีว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ ม็อบชาวพุทธราว 400 คนในเมืองต่องวินจี เขตมะเกวภาคกลางของประเทศ ชุมนุมประท้วงและขว้างปาก้อนหินใส่บ้านชาวมุสลิมหลังหนึ่ง จากนั้นกลุ่มคนที่พกพาไม้และมีดดาบได้พากันไปที่มัสยิดร้องตะโกนขับไล่ชาวมุสลิม แต่ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุม และจับผู้ต้องสงสัยได้ 5 ราย โดยรายหนึ่งในนี้อ้างว่าพวกเขาไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิขดึ้นในรัฐยะไข่

ข่าวรอยเตอร์กล่าวว่า มีข่าวลือในโซเชียลมีเดียของเมียนมาว่าชาวมุสลิม ซึ่งมีราว 4.3% ของประชากรเมียนมา เตรียมก่อเหตุโจมตีในวันที่ 11 กันยายนเพื่อล้างแค้นให้ชาวโรฮีนจา.

ที่มาของเนื้อหา : www.thaipost.net