
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ว่านางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี เรียกร้องให้รัฐบาลพลเรือนเมียนมาภายใต้การนำของนางออง ซาน ซูจี และกองทัพเมียนมาปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ในการหลีกเลี่ยงโจมตี "พลเรือนผู้บริสุทธิ์" แะลเจ้าหน้าที่ขององค์กรระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เธอกล่าวประณามกองทัพกอบกู้โรฮีนจาแห่งอาระกัน ( อาร์ซา ) ว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงและนองเลือดครั้งใหม่ในรัฐยะไข่ด้วย
ด้านนางชีค ฮาสินา นายกรัฐมนตรีของบังกลาเทศ เรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตันเพิ่มแรงกดดันต่อเมียนมา เพื่อยับยั้งคลื่นผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาระลอกใหม่เกือบ 50,000 คน ซึ่งพยายามเดินเท้าข้ามแม่น้ำนาฟ ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างบังกลาเทศกับเมียนมา เพื่อหลบหนีความุรนแรงจากการสู้รบที่ยืดเยื้อมานานกว่า 1 สัปดาห์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 110 คน ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของอาร์ซา แต่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนพรมแดนของบังกลาเทศยังคงควบคุมไม่ให้ผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้ข้ามพรมแดนไปได้ แต่ในเวลาเดียวกันเกิดเหตุเรือขนาดเล็กอย่างน้อย 3 ลำที่แออัดไปด้วยชาวโรฮีนจา อับปางกลางแม่น้ำนาฟ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน เป็นหญิง 15 คนและเด็ก 11 คน
ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานว่ากลุ่มติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายพยายามโจมตีขบวนผู้ลี้ภัยของชาวฮินดูมากกว่า 400 คน ซึ่งพยายามข้ามพรมแดนจากรัฐยะไข่ไปยังบังกลาเทศด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลบังกลาเทศยังคงปฏิเสธการเรียกร้องของยูเอ็นและองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ( ไอโอเอ็ม ) ในการรับผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจากลุ่มใหม่ โดยยืนกรานว่า "ครบโควต้า" 400,000 คนที่รับให้ความช่วยเหลือตลอดช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมาแล้ว.
คลิปประกอบ : Al Jazeera English
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " สหรัฐเรียกร้องเมียนมาปกป้องพลเรือนในรัฐยะไข่ "