ยูเอ็นเอสซีหารือสถานการณ์รุนแรงในรัฐยะไข่ของเมียนมา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งหสประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) จัดการประชุมวาระฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมา เมื่อวันพุธ ตามการเรียกร้องของสหราชอาณาจักรซึ่งเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของยูเอ็นเอสซี โดยการประชุมครั้งนี้มีขึ้นหลังผู้เสียชีวิตจากการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองทัพกอบกู้โรฮีนจาแห่งอาระกัน ( อาร์ซา ) ที่ยืดเยื้อมานาน 1 สัปดาห์แล้ว และส่งผลให้ชาวโรฮีนจามากกว่า 18,500 คน พยายามเดินเท้าลี้ภัยข้ามพรมแดนธรรมชาติบริเวณแม่น้ำนาฟ ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างแนวรบ ไปยังบังกลาเทศ

แม้ยูเอ็นเอสซียังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ แต่นายแมทธิว ไรครอฟต์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) กล่าวว่ายูเอ็นเอสซียังคงสนับสนุนการปฏิรูปตามแนวนโยบายของรัฐบาลพลเรือนเมียนมา แต่ที่ประชุมขอประณามสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ของเมียนมา และเรียกร้องให้คู่กรณีทุกฝ่ายยุติการสู้รบกันโดยเร็ว ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตตามการเปิดเผยของรัฐบาลเมียนมาอยู่ที่อย่างน้อย 110 คน ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกอาร์ซา และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงรวมอยู่ด้วยอย่างน้อย 11 นาย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเมียนมาภายใต้การนำของนางออง ซาน ซูจี ประณาม "กลุ่มก่อการร้ายเบงกาลี" อยู่เบื้องหลังสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น เพื่อหวังขัดขวางความพยายามสร้างสันติภาพในประเทศ ด้านบังกลาเทศปฏิเสธการเรียกร้องของยูเอ็น ในการรับผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาเพิ่มอีก โดยให้เหตุผลว่า "ครบโควต้า" 400,000 คนแล้ว และเรียกร้องให้ยูเอ็นเพิ่มแรงกดดันต่อเมียนมา

 
นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า จีนซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศสมาชิกถาวรของยูเอ็นเอสซี คัดค้าน "การแสดงบทบาท" ของยูเอ็นเอสซีต่อสถานการณ์ในรัฐยะไข่ แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการหารือกันในเรื่องนี้อีกครั้ง ในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ในเดือนก.ย. นี้.

คลิปประกอบ : Press TV News