
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ว่าคณะกรรมาธิการด้านสารสนเทศของรัฐบาลเมียนมารายงานว่า กลุ่มติดอาวุธก่อเหตุโจมตีแบบดาวกระจายในหลายพื้นที่ของรัฐยะไข่ ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ เมื่อคืนวันพฤหัสบดี โดยรวมถึงการโจมตีด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ 24 แห่ง และมีรายงานกลุ่มหัวรุนแรงราว 150 คนพยายามบุกรุกเข้าไปภายในค่ายทหาร ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องเคลื่อนไหวตอบโต้ เป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิตอย่างน้อย 11 นาย และเจ้าหน้าที่วิสามัญชาวโรฮีนจาอย่างน้อย 21 คน ฐานต้องสงสัยเป็นสมาชิกกลุ่มหัวุรนแรง
หลังเกิดเหตุกองทัพกอบกู้โรฮีนจาแห่งอาระกัน ( อาร์ซา ) ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจากกลุ่มฮารากาห์ อัล-ยาคิน หรือ "ขบวนการเคลื่อไหวเพื่อศรัทธา" ออกแถลงการณ์รับสมอ้างเป็นผู้ก่อเหตุ และเตือนว่าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ตามมาอีกหลายระลอกด้วย
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้มากว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะยิ่งเพิ่มบรรยากาศตึงเครียดให้กับสถานการณ์ที่รุนแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วในรัฐยะไข่ ที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศคุกรุ่นนับตั้งแต่เดือนต.ค. ปีที่แล้ว หลังเกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธสังหารตำรวจ 9 นาย และกองทัพตอบโต้ด้วยการส่งทหารจำนวนมากปิดล้อมรัฐยะไข่เพื่อ "ปฏิบัติการด้านความมั่นคง" ที่สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) และหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนหลายแห่งวิจารณ์ว่าเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ สถานการณ์รุนแรงระลอกล่าสุดในรัฐยะไข่ยังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังนายโคฟี อันนัน เลขาธิการยูเอ็น ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในรัฐยะไข่ ซึ่งจัดตั้งโดยรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซูจี แถลงเรียกร้องให้ทางการเมียนมาทบทวนกฎหมายสิทธิพลเมืองฉบับปี 2525 ที่เป็นการปฏิเสธมอบสัญชาติให้กับชาวโรฮีนจาราว 1 ล้านคน ควบคุมการลงทุนทางเศรษฐกิจในรัฐยะไข่ และจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชนในการทำข่าวในพื้นที่ขัดแย้ง โดยอดีตเลขาธิการยูเอ็นเชื่อว่าการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะช่วยบรรเทาความรุนแรงในรัฐยะไข่ และปูทางสู่กระบวนการฟื้นฟูสันติภาพครั้งใหม่ได้.
คลิปประกอบ : Al Jazeera English
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " กว่า 30 ชีวิตสังเวยเหตุรุนแรงครั้งใหม่ในรัฐยะไข่ของเมียนมา "