ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันอังคาร, 30 เมษายน 2567

วอชิงตันโพสต์แฉ UAE ตัวการแฮกเว็บข่าว“กาตาร์”แพร่คำแถลงปลอมจุดชนวนคว่ำบาตร

#เอเจนซีส์ – วอชิงตันโพสต์เผยรายงานล่าสุดวานนี้ (16 ก.ค.) ระบุสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) อยู่เบื้องหลังการแฮกเว็บไซต์ข่าวของรัฐบาลกาตาร์ และโพสต์คำแถลงปลอมของ ชัยค์ ทามีม บิน ฮามาด อัษ-ษานี เจ้าผู้ปกครองกาตาร์เมื่อปลายเดือน พ.ค. จนกลายเป็นชนวนวิกฤตการทูตครั้งใหญ่ระหว่างโดฮากับประเทศเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซีย

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งให้ข้อมูลกับวอชิงตันโพสต์ ระบุว่า พวกเขาเพิ่งทราบผลวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ที่หน่วยข่าวกรองรวบรวมมาได้เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเออีหลายคนได้หารือแผนปล่อยข่าวใส่ร้ายกาตาร์เมื่อวันที่ 23 พ.ค. แต่ยังระบุไม่ได้ว่ารัฐบาลยูเออีลงมือเอง หรือว่าจ้างคนกลุ่มอื่นให้กระทำแทน

คำแถลงปลอมดังกล่าวมีเนื้อหาสร้างความเข้าใจผิดว่า ชัยค์ ทามีม เจ้าผู้ปกครองกาตาร์ เอ่ยชมอิหร่านว่าเป็น “มหาอำนาจอิสลาม” และยังชื่นชมกลุ่มติดอาวุธฮามาสในปาเลสไตน์ด้วย

ปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์และแพร่คำแถลงปลอมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พ.ค. หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เสร็จสิ้นภารกิจเยือนซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือแนวทางต่อต้านลัทธิก่อการร้ายกับบรรดาผู้นำอ่าวอาหรับ

ซาอุดีอาระเบีย ยูเออี บาห์เรน และอียิปต์ ยกคำแถลงปลอมของ ชัยค์ ทามีม และข้อกล่าวหา “สนับสนุนลัทธิก่อการร้าย” มาเป็นข้ออ้างตัดสัมพันธ์กับกาตาร์ และใช้มาตรการปิดล้อมทางเศรษฐกิจตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. จนกลายเป็นปัญหาการเมืองระดับภูมิภาคครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน เตือนว่า หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจจะส่งผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)

ยูเซฟ อัล-โอไตบา เอกอัครราชทูตยูเออีประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยืนยันว่ารายงานของวอชิงตันโพสต์นั้น “เป็นเท็จ”

“ยูเออีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแฮกข้อมูลที่วอชิงตันโพสต์อ้างถึง… แต่สิ่งที่เป็นความจริงก็คือ พฤติกรรมของกาตาร์ซึ่งให้ทุนสนับสนุนและช่วยเหลือกลุ่มหัวรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นพวกตอลิบาน ฮามาส หรือกัดดาฟี (อดีตผู้นำลิเบีย) อีกทั้งยังยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง เผยแพร่แนวคิดสุดโต่ง และบั่นทอนเสถียรภาพของประเทศเพื่อนบ้าน”

ก่อนหน้านี้ กลุ่มแฮกเกอร์โปรรัฐบาลกาตาร์ที่เรียกตัวเองว่า “โกลบัลลีกส์” ได้เจาะบัญชีอีเมลส่วนตัวของ โอไตบา และนำข้อมูลมามอบให้แก่สื่อมวลชนตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอีเมลหลายฉบับบ่งชี้ถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลยูเออีที่จะโน้มน้าวผู้กำหนดนโยบายในสหรัฐฯ ให้หันมาเข้าข้างฝ่ายยูเออีในประเด็นที่เป็นความขัดแย้งกับกาตาร์

รัฐอ่าวอาหรับทุกประเทศเข้าร่วมปฏิบัติการปราบปรามไอเอสที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำ โดยเวลานี้สหรัฐฯ มีทหารกว่า 10,000 นายประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศ อัล-อูเดอิด (Al-Udeid) ในกาตาร์ ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการกลางของกองทัพอเมริกันในตะวันออกกลาง ขณะที่บาห์เรนก็เป็นจุดประจำการกองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ (US Navy’s 5th Fleet)

ประเทศเหล่านี้ยังเป็นลูกค้าที่สั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ และมีอิทธิพลต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในหลายทาง

วิกฤตการทูตระหว่างกลุ่มพันธมิตรซาอุฯ กับกาตาร์ยังเผยให้เห็นข้อแตกต่างระหว่าง ทรัมป์ ซึ่งออกมาพูดหรือทวีตข้อความถือหางฝ่ายซาอุฯ อย่างชัดเจน กับ ทิลเลอร์สัน ซึ่งพยายามเรียกร้องให้ทุกฝ่ายประนีประนอม และใช้เวลาตลอดสัปดาห์ที่แล้ววิ่งรอกเจรจากับผู้นำรัฐอ่าวอาหรับ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

“เราไม่คาดหวังว่าจะยุติปัญหาได้ในเร็วๆ นี้” อาร์.ซี. แฮมมอนด์ ผู้ช่วยของทิลเลอร์สัน ให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ (15) พร้อมระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เสนอแนวทางแก่กลุ่มพันธมิตรซาอุฯ และกาตาร์ ซึ่งรวมไปถึงการ “กำหนดหลักการร่วมที่ทุกประเทศยอมรับได้ เพื่อให้เราสามารถเริ่มต้นจากจุดเดียวกัน”

รัฐบาลกาตาร์เองก็ย้ำมาตลอดว่าเว็บไซต์ของรัฐบาลถูกแฮก แต่ยังไม่เปิดเผยผลการตรวจสอบของฝ่ายตน

เจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่า พวกเขาตั้งทฤษฎีเอาไว้แต่ต้นว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นฝีมือซาอุดีอาระเบีย ยูเออี อียิปต์ หรือไม่ก็ทั้ง 3 ประเทศ แต่ยังบอกไม่ได้ว่ามีประเทศอื่นๆ ร่วมมือด้วยหรือไม่

สำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานชิ้นล่าสุดของวอชิงตันโพสต์ ขณะที่สำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) และสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ซึ่งรัฐบาลกาตาร์ระบุว่าได้เข้ามาช่วยสืบเรื่องแฮกเกอร์ ก็ยังไม่ให้ความเห็นใดๆ เช่นกัน

ด้านโฆษกสถานทูตกาตาร์ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้อ้างถึงคำแถลงของอัยการสูงสุดกาตาร์ อาลี บิน เฟตาอิส อัล-มาร์รี เมื่อเดือน มิ.ย. ว่า “กาตาร์มีหลักฐานว่าโทรศัพท์ไอโฟนซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศที่ปิดล้อมกาตาร์ ถูกใช้เป็นเครื่องมือแฮก”

แฮมมอนด์ระบุว่า ตนยังไม่ทราบผลวิเคราะห์ล่าสุดของหน่วยข่าวกรองเรื่องบทบาทของยูเออี และไม่แน่ใจว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ ทิลเลอร์สัน จะทราบหรือยัง
#ที่มา:MGR Online