 |
 |
 |
 |
 |
ทางการสหรัฐฯโดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ยังคงดำเนินการห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติเดินทางเข้าประเทศตามคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อไป แม้ศาลจะได้สั่งให้ระงับการใช้คำสั่งดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯลงชั่วคราว และมีผู้จัดการชุมนุมประท้วงคำสั่งนี้ขึ้นหลายแห่งก็ตาม
ประธานาธิบดีทรัมป์ลงข้อความทางทวิตเตอร์ว่า “สหรัฐฯต้องถูกคัดกรองตรวจสอบอย่างถึงที่สุด เดี๋ยวนี้ !” แต่ในเวลาต่อมาเขาได้ออกแถลงการณ์ที่มีใจความอ่อนลงว่า คำสั่งที่มีขึ้นไม่เกี่ยวกับศาสนา แต่เป็นเรื่องการก่อการร้ายและการรักษาประเทศให้อยู่รอดปลอดภัย ซึ่งทางการสหรัฐฯจะออกวีซ่าให้พลเมืองทุกประเทศอีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าได้ทบทวนและวางนโยบายที่ปลอดภัยที่สุดแล้วภายในเวลา 90 วันนับจากนี้
ด้านนายไรน์ซ พรีบัส หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯออกมายืนยันว่า ผู้ที่มีสิทธิพำนักในสหรัฐฯอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือผู้ที่ถือกรีนการ์ดนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบจากการห้ามพลเมือง 7 ชาติเดินทางเข้าสหรัฐฯอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีรายงานว่าผู้ถือกรีนการ์ดบางรายถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ที่สนามบิน ซึ่งนายพรีบัสยืนยันว่ามีผู้ถูกควบคุมตัวไว้ตรวจสอบเพียง 109 คนเท่านั้น จากจำนวนผู้เดินทางทั้งหมด 325,000 คน และได้ปล่อยตัวไปจนเกือบหมดแล้ว โดยไม่ได้ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายดังที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
อัยการสูงสุดของ 16 รัฐออกแถลงการณ์ระบุว่า คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ และบรรดาอัยการจะใช้อำนาจในกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่ทุกทางต่อสู้จนกว่าจะมีการยกเลิกคำสั่งนี้ ส่วนศาลในเมืองใหญ่หลายแห่งเช่นที่นครบอสตัน ซีแอตเทิล และรัฐเวอร์จิเนีย ได้ออกคำสั่งให้ระงับการเนรเทศผู้ถือกรีนการ์ดและวีซ่าเข้าสหรัฐฯไว้ชั่วคราวแล้วหลายราย
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งห้ามผู้อพยพ พลเมือง และผู้ถือสัญชาติของ 7 ประเทศมุสลิมที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ ได้แก่อิรัก อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐฯเป็นเวลา 90 วันนับจากนี้ รวมทั้งระงับโครงการรับผู้อพยพต่าง ๆ ไว้ 120 วัน เว้นแต่โครงการรับผู้อพยพจากซีเรียที่ระงับไปโดยไม่มีกำหนด คำสั่งดังกล่าวทำให้มีผู้ถูกกักตัวและตกค้างตามสนามบินจำนวนมาก และยังไม่ทราบชัดว่าในต่างประเทศมีผู้ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่องบินเดินทางมายังสหรัฐฯอีกเป็นจำนวนเท่าใด
ที่มา:บีบีซีไทย
 |
 |
 |
 |
 |
