ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันเสาร์, 27 เมษายน 2567

“ทรัมป์” ประกาศยกเยรูซาเลมของปาเลสไตน์ให้เป็นเมืองหลวงของยิว

t1354-720x480

มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ปากเสียผู้สมัครชิงตำแหน่งทำประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน รับปากว่าจะให้การรับรองนครเยรูซาเลมของปาเลสไตน์ให้เป็น “เมืองหลวงของรัฐยิวที่ไม่มีการแบ่งแยก” หลังจากที่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แกนนำยิวไซออนิสต์ของอิสราเอลที่นครนิวยอร์กเมื่อวันอาทิตย์ (25 กันยายน)

เนทันยาฮู ซึ่งเดินทางมาประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก ได้พูดคุยกับ ทรัมป์ เป็นการส่วนตัวที่อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ก่อนที่มหาเศรษฐีปากเสียจะขึ้นเวทีดีเบตเป็นครั้งแรกกับ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครคู่แข่งจากพรรคเดโมแครตในวันจันทร์ (26)

“คุณทรัมป์ยอมรับว่า นครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงตลอดกาลของชาวยิวมานานกว่า 3,000 ปีแล้ว และรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของคุณทรัมป์ก็จะรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงที่ไม่มีการแบ่งแยกของอิสราเอล” แคมเปญหาเสียงของ ทรัมป์ ระบุ

อิสราเอลได้เข้ายึดเยรูซาเลมซึ่งเป็นย่านคนอาหรับ ระหว่างสงคราม 6 วันเมื่อปี 1967 และได้ประกาศในปี 1980 ว่าพื้นที่เยรูซาเลมทั้งหมดถือเป็นเมืองหลวงหนึ่งเดียวของอิสราเอล แต่คำประกาศดังกล่าวไม่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ และยังเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อมติสหประชาชาติที่242 เมื่อปี 1967 กำหนดให้อิสราเอลต้องคืนดินแดนทั้งหมดที่ยึดไปหลังสงครามในปี 1967 แต่มติดังกล่าวไม่เคยถูกบังคับใช้ให้อิสราเอลต้องปฎิบัติตามแต่อย่างใด ขณะที่ปาเลสไตน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติได้ประกาศให้เยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ด้วย

ขณะที่สภาคองเกรสสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายในเดือน ตุลาคม 1995 กำหนดให้มีการรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และอนุมัติเงินทุนสำหรับย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเลม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ขัดต่อมติสหประชาชาติ จึงยังไม่เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดไม่ว่าจะสังกัดพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกัน นำกฎหมายนี้มาบังคับใช้จริง

สำนักงานของเนทันยาฮู ได้แถลงเกี่ยวกับการพูดคุยระหว่างผู้นำยิวกับทรัมป์ ซึ่งกินเวลาราว 1 ชั่วโมง แต่ไม่ได้เอ่ยเรื่องที่ ทรัมป์ สัญญาจะรับรองสถานะของเยรูซาเลม

“นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู ได้หารือกับคุณทรัมป์เรื่องความมั่นคงของอิสราเอล และความพยายามฟื้นฟูเสถียรภาพและสันติภาพในตะวันออกกลาง” คำแถลงระบุ

ทีมหาเสียงของทรัมป์ระบุชัดเจนว่า เขาได้ให้สัญญากับเนทันยาฮูว่า หากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็พร้อมที่จะร่วมมือกับอิสราเอล “เป็นพิเศษทั้งในด้านยุทธศาสตร์ เทคโนโลยี และการทหาร”

“คุณทรัมป์เห็นว่า อิสราเอลเป็นหุ้นส่วนสำคัญของสหรัฐฯ ในการทำสงครามต่อต้านลัทธิก่อการร้ายอิสลามสุดโต่ง”

“ทั้งสองยังได้หารือเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน การทำสงครามต่อต้านกลุ่มดาอิช และปัญหาความมั่นคงอื่นๆ ในภูมิภาค”

ทีมงานของทรัมป์เผยด้วยว่า เนทันยาฮู ได้แบ่งปันประสบการณ์เรื่องการสร้างกำแพงกั้นระหว่างอิสราเอลกับเขตเวสต์แบงก์ให้ ทรัมป์ ทราบ

นโยบายสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโกเป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาหลักที่ ทรัมป์ ให้ไว้ระหว่างการหาเสียง

หลังจากหารือกับทรัมป์ แล้ว นายกฯ อิสราเอลยังได้พบกับ ฮิลลารี คลินตัน ที่โรงแรมดับเบิลยูในนครนิวยอร์ก

ทีมหาเสียงของคลินตันระบุว่า อดีตรัฐมนตรีหญิงได้เอ่ยย้ำถึง “ผลประโยชน์ด้านยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม” ระหว่างทั้งสองชาติ และยืนยันว่าตัวเธอพร้อมสนับสนุนข้อตกลงมอบความช่วยเหลือด้านการทหารที่วอชิงตันได้รับปากอิสราเอลไว้เมื่อไม่นานมานี้

คลินตัน ให้สัญญากับเนทันยาฮูว่าจะช่วยอิสราเอลรับมือ “ภัยคุกคามในภูมิภาค” และรัฐบาลทั้งสองจะทำงานร่วมกันอย่างสอดประสานเพื่อบังคับใช้ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งเป็นความริเริ่มทางการทูตของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่อิสราเอลไม่เห็นด้วย

“ท่านรัฐมนตรี คลินตัน ยืนยันเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมการแก้ปัญหาแบบ 2 รัฐควบคู่ระหว่างชาวยิวและปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องเจรจากันโดยตรง”

สหรัฐฯ ภายใต้การนำของคลินตัน จะรับรอง “อนาคตของอิสราเอลในฐานะรัฐยิวที่มีความปลอดภัย เป็นประชาธิปไตย และมีเขตแดนที่แน่นอน ส่วนชาวปาเลสไตน์ก็จะได้อยู่อย่างมีเอกราช อธิปไตย และศักดิ์ศรี”

ที่มา:i-News