ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

รองรัชทายาทซาอุฯ ชี้อิหร่านจ้องควบคุมโลกอิสลาม

 

เอเจนซีส์ – เจ้าชายแห่งซาอุดีอาระเบีย ผู้เป็นรองรัชทายาท ระบุว่า จะไม่มีการพูดคุยกับอิหร่านเนื่องมาจากความทะเยอทะยานที่จะควบคุมโลกอิสลามของอีกฝ่าย

ในการให้สัมภาษณ์ที่หาได้ยากและพูดถึงหลากหลายประเด็น ซึ่งเผยแพร่ออกอากาศทางทีวีซาอุฯ หลายช่อง ได้แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่มีต่อชาติคู่อริของเจ้าชาย “โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล-ซาอุด”

เจ้าชายวัย 31 ปี ที่เป็นรัชทายาทลำดับสุดท้ายรายนี้ยังเป็นรัฐมนตรีกลาโหม คอยดูแลสถานการณ์การสู้รบในเยเมน ซึ่งต้องมีการปะทะกับกลุ่มกบฏที่อิหร่านหนุนหลัง นอกจากนี้เขายังดูแลเรื่องสำคัญๆ ทางเศรษฐกิจ และอยู่เบื้องหลังโครงการเด่นๆ ที่ยกเครื่องเศรษฐกิจซาอุฯ ขึ้นมาใหม่

สำหรับความตึงเครียดที่มีต่ออิหร่านเกี่ยวกับหลักนิกายทางศาสนา เจ้าชายซาอุฯ ระบุว่า เป้าหมายของอิหร่านนั้นคือการควบคุมโลกอิสลาม และกระจายหลักคำสอนของชีอะห์ เพื่อเตรียมรอรับการกลับมาของอิหม่าม “โมฮัมเหม็ด อัล-มาห์ดี” ที่ชาวมุสลิมชีอะห์เชื่อกันว่าอิหม่ามชีอะห์ผู้สูญหายไปในศตวรรษที่ 9 รายนี้จะกลับมาปรากฏกายอีกครั้งเพื่อนำความยุติธรรมมาสู่โลก

เมื่อถูกถามว่า มีความเป็นไปได้ไหมที่จะมีการพูดคุยกันโดยตรงกับอิหร่าน เจ้าชายก็ตอบว่าจะทำความเข้าใจกับบุคคลหรือรัฐบาลที่มีหลักความเชื่อแบบอุดมการณ์สุดโต่งได้อย่างไร จะมีผลประโยชน์อันใดเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย จะสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร

การเป็นไม้เบื่อไม้เมากันของอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย ปรากฏให้เห็นผ่านสงครามตัวแทนที่มีขึ้นทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง พวกเขาได้หนุนหลังกองกำลังคนละฝ่ายทั้งในซีเรียและเยเมน ทั้งยังหนุนนักการเมืองคนละฝ่ายในเลบานอน บาห์เรน และอิรัก ความขัดแย้งเรื่องการเป็นศัตรูกันระหว่างสุหนี่และชีอะห์ได้ฝังลึกในทั้งสองฝ่าย

ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านนั้นตึงเครียดมาตั้งแต่การปฏิวัติที่อิหร่านในปี 1979 โดยทั้งสองฝ่ายต่างแข่งกันเพื่อจะเป็นกองกำลังที่เข้มแข็งที่สุดในโลกอิสลาม ความตึงเครียดนั้นรุนแรงมากขึ้นในปีที่แล้ว เมื่อซาอุดีอาระเบียประหารอิหม่ามชีอะห์รายหนึ่ง ทำให้เกิดม็อบผู้ประท้วงบุกปล้นสะดมสถานทูตซาอุฯ ในอิหร่าน จนมีการตัดความสัมพันธ์ทางการค้าและการทูตระหว่างทั้งสองชาติ

“เรารู้ว่าเราคือเป้าหมายหลักของอิหร่าน เราจะไม่รอจนกระทั่งมันกลายเป็นการสู้รบในซาอุดีอาระเบีย ดังนั้นเราจะทำให้มันเป็นการต่อสู้ในอิหร่าน ไม่ใช่ในซาอุดีอาระเบีย” เจ้าชายโมฮัมเหม็ด กล่าว

สำหรับเรื่องที่เยเมน เจ้าชายได้ปกป้องการตัดสินใจของซาอุฯ ที่เข้าไปทำสงครามที่นั่น จนทำซาอุดีอาระเบียให้มีค่าใช้จ่ายวันละหลายสิบล้านดอลลาร์จากการประเมินคร่าวๆ การสู้รบที่นั่นทำให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมในเยเมน มีพลเรือนเสียชีวิตหลายพันคน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการโจมตีทางอากาศของฝ่ายพันธมิตรซาอุฯ

บรรดาผู้เชี่ยวชาญบอกว่า สงครามนี้ที่กินเวลานานกว่า 2 ปี ได้มาถึงจุดที่ยันกันอยู่ ฝ่ายซาอุดีอาระเบียและชาติพันธมิตรไม่อาจขับไล่ฝ่ายกบฏฮูตีที่อิหร่านหนุนหลังให้ออกจากกรุงซานาและเมืองอื่นที่สำคัญๆ

แต่เมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ เจ้าชายโมฮัมเหม็ดก็ตอบว่า การถอนรากถอนโคนพวกฮูตีนั้นทำได้ในเวลาไม่กี่วัน แต่ซาอุดีอาระเบียจะไม่ส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปชิงเมืองต่างๆ ในเยเมน เพราะมันอาจนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของทหารซาอุฯ และพลเรือนชาวเยเมนหลายพันคน

“เวลาเป็นพวกเดียวกับฝ่ายเรา ความอดทนก็อยู่กับเราเช่นกัน” เจ้าชายโมฮัมเหม็ดกล่าว

 

ที่มา: MGR Online