ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

จีนห้ามมุสลิมสวมผ้าคลุมศีรษะและไว้เครา

 

จีนเพิ่มกฎข้อห้ามอีก 15 ข้อ ที่ชาวมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ต้องปฏิบัติตาม เมื่อติดต่อราชการ เช่น ห้ามสวมผ้าคลุมศีรษะมิดชิดและไว้เคราที่มีลักษณะแปลกตา โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันการเผยแพร่แนวคิดสุดโต่ง

มาตรการใหม่นี้ถูกบังคับใช้ในเขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์ ซึ่งมีชาวอุยกูร์ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามอาศัยอยู่กว่า 10 ล้านคน บังคับให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำงานอยู่ในสนามบิน สถานีรถไฟ หรือหน่วยงานราชการอื่นๆ ห้ามปรามไม่ให้ผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้า และคลุมร่างกายมิดชิด หรือบูร์กา เข้ามาภายในอาคารและให้นำตัวไปรายงานกับตำรวจ ซึ่งมาตรการดังกล่าวเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ทางการจีนยังห้ามการสมรสตามขั้นตอนทางศาสนาซึ่งไม่เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย รวมถึงห้ามผู้ชายไว้เคราที่มีลักษณะแปลกตา เพราะเป็นสัญลักษณ์ของแนวคิดสุดโต่ง และห้ามตั้งชื่อทารกเกิดใหม่ด้วยชื่อที่มีนัยสุดโต่งทางศาสนา แต่ทางการจีนไม่ได้ระบุรายละเอียดที่ชัดเจน ว่าเคราที่ห้ามไว้ หรือชื่อที่ห้ามตั้ง มีลักษณะอย่างไร

สื่อของรัฐบาลจีนยังรณรงค์ให้พ่อแม่เลี้ยงดูลูกด้วยศีลธรรม ให้การศึกษา เชื่อในวิทยาศาสตร์ เคารพวัฒนธรรมและความสามัคคีของคนต่างเชื้อชาติ และต่อต้านแนวคิดสุดโต่ง นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้พ่อแม่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียนที่รัฐจัดหาไว้ให้มากขึ้น แทนการเข้าเรียนตามโรงเรียนของชุมชนซึ่งมักเป็นโรงเรียนสอนศาสนา

ทางการจีนเคยใช้มาตรการลักษณะเดียวกันมาก่อนแล้วในเขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์ เช่นการห้ามผู้หญิงคลุมใบหน้า หรือห้ามผู้ชายที่ไว้เครายาวเกินปกติขึ้นรถบัสในเมือง รวมทั้งห้ามข้าราชการที่นับถือศาสนาอิสลามถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่ง แอมเนสตี้ องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล มองว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพในการทำตามความเชื่อทางศาสนา

แม้จีนจะถูกฮิวแมนไรท์สวอชรายงานในปีนี้ ว่ากดขี่กลุ่มชาติพันธุ์และพยายามทำลายวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวอุยกูร์ จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มเรียกร้องอิสรภาพและรัฐบาลจีน จนมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยรายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ทางการจีนให้เหตุผลว่ามาตรการดังกล่าวบังคับใช้กับผู้คนที่นับถือศาสนาอื่นๆในจีนด้วย และทางการจีนให้สิทธิเสรีภาพการนับถือศาสนากับประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม

อย่างไรก็ตาม จีนได้เพิ่มมาตรการควบคุมการแสดงออกของประชาชนในเขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์หลายประการ รวมทั้งเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันการเผยแพร่แนวคิดสุดโต่งซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคง

เขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีชายแดนติดกับปากีสถาน อัฟกานิสถาน และคาซักสถาน และเป็นมณฑลที่มีชาวอุยกูร์ซึ่งเป็นชาวมุสลิมอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในจีน แม้ศาสนาอิสลามไม่ได้บังคับผู้หญิงต้องคลุมหน้าในที่สาธารณะ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบว่ามีผู้หญิงอุยกูร์หันมาคลุมหน้ามากขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการควบคุมของรัฐบาลจีน

 

ที่มา:viocetv