ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

ทรัมป์อึ้ง! ศาลอุทธรณ์ยืนคำสั่งระงับการแบนผู้ลี้ภัย-มุสลิม 7 ชาติเข้าสหรัฐฯ

 

เอเอฟพี – ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นวานนี้ (9 ก.พ.) ให้ระงับคำสั่งแบนผู้ลี้ภัยและพลเมือง 7 ชาติมุสลิมที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ต่อไปอีก ซึ่งนับเป็นความพ่ายแพ้ทางกฎหมายอีกครั้งหนึ่งของผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่

คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในนครซานฟรานซิสโกเกี่ยวกับคำสั่งบริหารของทรัมป์ เป็นมรสุมลูกล่าสุดที่รัฐบาลรีพับลิกันต้องเผชิญในช่วง 3 สัปดาห์แรกของการบริหารประเทศ

“ศาลพิจารณาเห็นว่า รัฐบาลไม่สามารถชี้แจงเหตุผลที่ดีในการยื่นอุทธรณ์ และไม่สามารถชี้แจงได้ว่า หากไม่บังคับใช้คำสั่งดังกล่าวต่อไปจะเกิดความเสียหายที่ไม่อาจกู้คืนได้อย่างไร” ศาลอุทธรณ์เขต 9 ระบุในคำพิพากษาที่เป็นเอกฉันท์

คำสั่งบริหารของทรัมป์ มีผลทำให้โครงการรับผู้ลี้ภัยถูกระงับไว้ 120 วัน และห้ามพลเมืองอิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน ในขณะที่ผู้ลี้ภัยจากซีเรียจะถูกห้ามอย่างไม่มีกำหนด

หลังศาลอ่านคำพิพากษาแค่ไม่กี่นาที ผู้นำสหรัฐฯ ก็ได้ทวีตข้อความตอบโต้ “เจอกันในศาล ความมั่นคงของประเทศกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง!”

รัฐบาลทรัมป์ยืนยันว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการแบนคนต่างด้าวกลุ่มเสี่ยง เพื่อสกัดกั้นผู้ก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) และอัลกออิดะห์ที่อาจจะแฝงตัวมากับคลื่นผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลาง ทว่าคำสั่งนี้ได้สร้างความโกลาหลในการเดินทาง และถูกประณามอย่างหนักหน่วงจากองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพ

นักวิจารณ์หลายคนชี้ว่า การออกคำสั่งที่เจาะจงแบนชาวมุสลิมเช่นนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญอเมริกัน

ศาลอุทธรณ์นครซานฟรานซิสโก ระบุว่า ความใส่ใจที่ประชาชนมีต่อคดีนี้นับว่าเป็นผลดีถึง 2 ด้าน

“ในด้านหนึ่ง ประชาชนหันมาให้ความสนใจเรื่องความมั่นคงของชาติ และศักยภาพของประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งในการบังคับใช้นโยบายต่างๆ… ส่วนอีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็เห็นความสำคัญของเสรีภาพในการเดินทาง การช่วยเหลือครอบครัวไม่ให้ต้องพรากจากกัน และการไม่แบ่งแยกกีดกัน”

ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ 3 คนยอมรับว่า คำตัดสินของผู้พิพากษา เจมส์ โรบาร์ต ที่นครซีแอตเติล “อาจเกินขอบเขตไปในบางแง่มุม” และไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขาในฐานะผู้พิพากษาที่จะ “พยายามแก้ไขคำสั่งบริหาร”

“รัฐบาลไม่อาจแสดงหลักฐานยืนยันได้ว่า เคยมีคนต่างด้าวจากประเทศที่ถูกแบนเข้ามาก่อวินาศกรรมในสหรัฐอเมริกา” คำแถลงของศาลระบุ

นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ซึ่งรณรงค์สนับสนุนสิทธิพลเมือง รวมถึงสภาอิหร่าน-อเมริกันแห่งชาติ, ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน เจย์ อินสลีย์ ซึ่งเป็นคนแรกที่ยื่นฟ้องศาลให้ระงับคำสั่งของทรัมป์ ตลอดจนอัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนีย ซาเวียร์ เบเซอร์รา ได้ออกมาแสดงความชื่นชมคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ และยืนยันว่าพวกเขาจะสู้ต่อไปจนกว่าคำสั่งของ ทรัมป์ จะถูกคว่ำอย่างถาวร

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยออกมาพูดเหยียดหยามผู้พิพากษา โรบาร์ต ว่าเป็นแค่ “คนที่เขาเรียกกันว่าผู้พิพากษา (so-called judge)” ทั้งยังประณามศาลว่า “ไร้เกียรติ” และเอียงข้างทางการเมือง

จอห์น เคลลี รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิซึ่งทำหน้าที่บังคับใช้คำสั่งแบนคนเข้าเมือง ชี้ว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังไม่เข้าใจถึงภัยคุกคามที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่

ก่อนศาลอุทธรณ์จะอ่านคำพิพากษา ทรัมป์ ได้ออกมายืนกรานปกป้องนโยบายสุดโต่งของเขา และประกาศว่ากระบวนการยุติธรรมในอเมริกาได้เข้าสู่ “ยุคใหม่” พร้อมๆ กับการสาบานตนรับตำแหน่งของรัฐมนตรียุติธรรม เจฟฟ์ เซสชันส์

ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้เซ็นคำสั่งบริหารเพิ่มเติมอีก 3 ฉบับ โดยฉบับแรกเป็นการแต่งตั้งคณะทำงานด้านอาชญากรรมความรุนแรง, ฉบับที่ 2 เกี่ยวกับการจัดการอาชญากรรมที่มุ่งกระทำต่อเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย และฉบับที่ 3 ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มองหาวิธีการที่สหรัฐฯ จะปราบปรามองค์กรอาชญากรรม

ที่มา:MGR Online