 |
 |
 |
 |
 |
บริษัท IT ชื่อดังของโลกที่มีสัญชาติอเมริกันอย่างเฟซบุ๊ก แอปเปิล ทวิตเตอร์ ไมโครซอฟท์ เน็ตฟลิกซ์ รวมถึงอูเบอร์ ร่วมกันยื่นฟ้องร้องต่อศาล เพื่อขอให้ระงับคำสั่งประธานาธิบดีที่ลงนามโดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ห้ามพลเมือง 7 ชาติมุสลิมในแอฟริกาและตะวันออกกลางเข้าสหรัฐฯ โดยให้เหตุผลในคำฟ้องว่าคำสั่งดังกล่าวละเมิดกฎหมายคนเข้าเมืองและรัฐธรรมนูญของประเทศ นอกจากนี้ การสั่งแบนพลเมือง 7 ชาติมุสลิม ยังเป็นการเปลี่ยนกฎการเข้าเมืองอย่างกะทันหันที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผลประโยชน์และการบริหารงานของบริษัทเอกชนในสหรัฐฯด้วย
คำฟ้องของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีถูกยื่นให้แก่ศาลอุทธรณ์สหพันธรัฐ ซึ่งเป็นศาลเดียวกับที่ปฏิเสธไม่ไต่สวนฉุกเฉินตามคำขอของรัฐบาล ที่ต้องการให้มีการเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งระบุให้ระงับการใช้คำสั่งแบนคนมุสลิมชั่วคราว โดยศาลกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายยื่นเอกสารหลักฐานสนับสนุนจุดยืนของตนเอง ก่อนจะพิจารณาคดีดังกล่าวพร้อมกันในคราวเดียว
กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีเป็นหัวหอกในการต่อต้านนโยบายแบนคนมุสลิมของนายทรัมป์มาตั้งแต่แรก และการฟ้องร้องครั้งนี้ก็เป็นการตอกย้ำว่าผู้อพยพชาวมุสลิมสำคัญกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯมากเพียงใด โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรม IT ซึ่งมีบุคลากรเป็นชาวต่างชาติจำนวนมาก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทเทคโนโลยีฟ้องร้องทรัมป์กรณีแบนคนมุสลิมสัปดาห์ที่ผ่านมา เอ็กพีเดียและแอมะซอน ก็ยื่นฟ้องรัฐบาลในข้อหาออกนโยบายที่กระทบต่อลูกจ้างและการประกอบธุรกิจของบริษัทไปแล้ว ขณะที่นายเทรวิส คาลานิก ซีอีโอและผู้ก่อตั้งอูเบอร์ ก็ลาออกจากการเป็นคณะที่ปรึกษาของรัฐบาลทรัมป์ เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านนโยบายของเขาเช่นกัน
ที่มา:news.voicetv.co.th
 |
 |
 |
 |
 |
