ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

ทูตอิสราเอลขู่งัดหลักฐานประจาน “สหรัฐฯ” ล็อบบี้ UN ให้โหวตคัดค้านตั้ง “นิคมชาวยิว” ในปาเลสไตน์

เอเอฟพี – เอกอัครราชทูตอิสราเอลกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าล็อบบี้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติให้ “รวมหัว” กันโหวตคัดค้านการตั้งนิคมชาวยิวในปาเลสไตน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงความบาดหมางรุนแรงระหว่างทั้ง 2 ชาติที่เป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน

รอน เดอร์เมอร์ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) ว่า รัฐบาลอิสราเอลมีหลักฐานว่าสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ จะนำมาเปิดโปงในอีกไม่ช้า

“สิ่งที่รับไม่ได้ก็คือ รัฐบาลสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังการรวมหัวกันครั้งนี้ ผมคิดว่ามันเป็นวันที่น่าเศร้าที่สุด และเป็นสิ่งที่น่าอับอายจริงๆ” ทูตอิสราเอลบอกกับซีเอ็นเอ็นด้วยสำนวนภาษาที่รุนแรง

“เรามีหลักฐานชัดเจน และจะมอบหลักฐานที่ว่านี้ให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ โดยผ่านช่องทางที่เหมาะสม และหากพวกเขาต้องการเปิดเผยให้ชาวอเมริกันได้ทราบ เราก็ไม่ขัดข้อง”

เดอร์เมอร์ ย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลเทลอาวีฟ “ผิดหวังอย่างยิ่ง” ที่วอชิงตันงดออกเสียงจนเป็นเหตุให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นสามารถออกญัตติประณามการก่อตั้งนิคมชาวยิวในปาเลสไตน์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี

วันศุกร์ที่แล้ว (23) คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นได้มีมติเรียกร้องให้อิสราเอล “ยุติการขยายนิคมชาวยิวในดินแดนปาเลสไตน์และเยรูซาเลมตะวันออกอย่างสิ้นเชิงในทันที”

สหรัฐฯ มีสิทธิ์ที่จะ “วีโต” เพื่อยับยั้งมตินี้ แต่กลับเลือกที่จะงดออกเสียง

นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลได้เรียกทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอลเข้าพบเมื่อวันอาทิตย์ (25) เพื่อแสดงความไม่พอใจ

โอบามา และ เนทันยาฮู นั้นเรียกได้ว่า “หมางเมิน” กันมานาน เพราะต่างมีจุดยืนขัดแย้งในเรื่องการขยายนิคมชาวยิว เงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพในตะวันออกกลาง รวมไปถึงข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์อิหร่าน

อิสราเอลได้รับความช่วยเหลือรายปีจากวอชิงตันเป็นมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะได้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป ด้วยเหตุนี้ผู้นำอิสราเอลทุกยุคสมัยจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับสหรัฐฯ ไว้

อย่างไรก็ตาม วันนี้ทูต เดอร์เมอร์ กลับแสดงความห้าวหาญกล่าวหารัฐบาลโอบามาว่าช่วยหนุนหลังปาเลสไตน์ “ทำสงครามการทูตและกฎหมายกับอิสราเอล”

“พวกเขาไม่ได้ต้องการมีสันติภาพกับเราจริงๆ หรอก และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาหลีกเลี่ยงการเจรจามานานถึง 8 ปี” เดอร์เมอร์ กล่าว

“ชาวปาเลสไตน์ต้องการอะไรน่ะหรือ? พวกเขาต้องการกล่าวโทษอิสราเอลว่าไม่ส่งเสริมสันติภาพ และทำให้ความขัดแย้งนี้เป็นปัญหาสากล”

“มติของยูเอ็นในวันนี้เท่ากับยื่นกระสุนทางการทูตให้ปาเลสไตน์นำมาทำสงครามกับอิสราเอล และสหรัฐฯ ไม่เพียงไม่ขัดขวาง แต่ยังอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เสียเอง”

ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรับปากจะยอมรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ก็ได้ออกมาประณามท่าทีของทำเนียบขาวเช่นกัน โดยชี้ว่าสหรัฐฯ ควรจะใช้อำนาจวีโตมติประณามอิสราเอล

ทรัมป์ ยืนยันว่า การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาจะปิดฉากความสัมพันธ์ที่ลุ่มๆ ดอนๆ ระหว่างสหรัฐฯ กับอิสราเอล และยังคัดเลือก เดวิด ฟรีดแมน เป็นเอกอัครราชทูตประจำกรุงเทลอาวีฟคนใหม่ โดย ฟรีดแมน นั้นเคยประกาศว่า สหรัฐฯ จะไม่กดดันให้อิสราเอลยับยั้งการตั้งถิ่นฐานชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์อีกต่อไป

ที่มา: MGR Online