ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันพฤหัสบดี, 28 มีนาคม 2567

มูรีด ฟันธง! ทางรอดของคนแต่งชุดดำ กรณีภาคบังคับ มีทางออก

02-720x480

การแสดงความเศร้าโศกเสียใจโดยสวมใส่เสื้อผ้าชุดสีดำเพื่อแสดงออกถึงการไว้อาลัยแก่ผู้ตายที่เป็นมุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิมก็ตาม เช่นนี้มุสลิมสามารถกระทำได้หรือไม่?

ตอบ การไว้ทุกข์ในอิสลามไม่มีในบทบัญญัติ  มีแต่การรออิดดะฮฺของสตรีซึ่งสามีเสียชีวิตเป็นระยะเวลา 4 เดือนกับ 10 วัน ซึ่งศาสนาให้นางครองตนเองด้วยความสำรวม ห้ามออกนอกบ้านยกเว้นจำเป็นเท่านั้น และสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาโดยไม่ดึงดูดเพศตรงข้าม ภาษาที่มุสลิมปัจจุบันเข้าใจง่ายเรียกว่า “ไว้ทุกข์” ซึ่งที่จริงก็เรียกไม่ถูก เพราะอิสลามไม่มีการไว้ทุกข์นั่นเอง

ส่วนกรณีเมื่อมีผู้เสียชีวิตที่เป็นมุสลิม หรือไม่ใช่มุสลิมก็ตาม ก็ไม่ถูกอนุญาตให้กระทำด้วยเช่นกัน กล่าวคือการสวมใส่เสื้อผ้าชุดสีดำเพื่อไว้ทุกข์ให้ผู้ตาย หรือแต่งชุดดำไปงานศพ เป็นวัฒนธรรมความเชื่อของพวกฝรั่ง (นัสรอนี) ซึ่งพวกเขามีความเชื่อว่า วิญญาณของคนตายจะกลับมา และหาร่างอยู่ การสวมชุดดำจึงทำให้วิญญาณจำไม่ได้ จะสังเกตว่าภรรยาม่ายฝรั่งจะคลุมหน้าไปงานศพ นางกลัวว่าวิญญาณสามีจะจำได้ เธอต้องคลุมดำ และแต่งดำไว้ทุกข์ 1 ปีเต็ม ความเชื่อค่านิยมแต่งชุดดำไปงานศพจึงถูกนิยมในหมู่คนไทยด้วยในช่วงสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามนั่นเอง

สมัยก่อนคนไทยค่อนข้างจะครื้นแครง สวมใส่เสื้อผ้าไม่เคร่งครัดเจาะจงว่าเป็นสีดำหรือสีขาว อีกทั้งยังมีการละเล่นมหรสพยามค่ำคืนในงานศพอีกด้วย (ข้อมูลสนับสนุนจาหนังสือ 108 ซองคำถาม/สำนักพิมพ์สารคดี)

ประเด็นถัดมา หากในกรณีบุคคลสำคัญเสียชีวิตลง อาทิเช่น กษัตริย์ เป็นต้น ทางหน่วยงานเบื้องสูงบังคับให้มุสลิมสวมใส่ชุดสีดำเพื่อเป็นการไว้ทุกข์ เช่นนี้ หากกล่าวถึงหลักคำสอนของอิสลามแล้ว มุสลิมไม่สามารถสวมใส่ชุดดำได้ (ดังที่กล่าวมาข้างต้น) เช่นนี้ให้มุสลิมสวมใส่สีอื่นๆ เรียบๆ ไม่ฉูดฉาด หรือใกล้เคียงแทนการสวมใส่เสื้อสีดำ อาทิเช่น สีเทา หรือสีขาว เป็นต้น

ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า:

« مَنْ تَشَبَّهَ بِقَوْمٍ فَهُوَ مِنْهُمْ »

“บุคคลใดที่เลียนแบบชนกลุ่มใด เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของชนกลุ่มนั้น” [1]

สรุปในเบื้องต้นคือ ไม่อนุญาตให้มุสลิมสวมใส่ชุดสีดำไปงานศพ หรือใส่เพื่อไว้ทุกข์ให้แก่ผู้ที่เสียชีวิต เพราะเป็นวัฒนธรรมความเชื่อของชาวฝรั่ง (นัศรอนี) ที่มุสลิมจำเป็นต้องออกห่าง

อนึ่ง หากหน่วยงานราชการบังคับ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ เพราะอาจถึงขั้นถูกไล่ออกจากงาน หรือต้องถูกตัดเงินเดือน อันมีผลกระทบถึงครอบครัว ทั้งๆ ที่ได้อธิบายหลักการอิสลามไปแล้วก็ตาม เช่นนี้ ถือว่าอยู่ในขั้นตอนของความจำเป็น (เฎาะรูเราะฮฺ) อนุญาตให้มุสลิมสวมใส่เพราะอยู่ในภาวะจำเป็นได้

« الضرووات تبيح المحظورات »

ความว่า “ความจำเป็นต่างๆ (ถูก) อนุโลม (ให้ทำ) ข้อห้าม (ต่างๆ) ได้เช่นกัน”

โดยมีเจตนาปฏิเสธการกระทำดังกล่าวด้วยหัวใจ และหวังการอภัยจากพระองค์อัลลอฮฺในการถูกบังคับดังกล่าว

ดังที่พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า:

فَمَنِ اضْطُرَّ غَيْرَ بَاغٍ وَلَا عَادٍ فَلَا إِثْمَ عَلَيْهِ إِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَحِيمٌ

“แล้วผู้ใดอยู่ในภาวะคับขัน โดยมิใช่ผู้เสาะแสวงหา และมิใช่เป็นผู้ละเมิดขอบเขตแล้วไซร้ ก็ไม่มีบาปอันใดแก่เขา แท้จริงพระองค์อัลลอฮฺผู้ทรงอภัยยิ่ง ผู้ทรงเมตตาเสมอ” [2]

แต่อย่างไรก็ตามขอให้มุสลิมแสดงจุดยืนจนสุดความสามารถเสียก่อน หากไม่ได้จริงๆ แล้วไซร้ ค่อยกระทำสิ่งที่เป็นข้อผ่อนผัน เฉกเช่นที่ท่านรสูลุลลอฮฺเคยกล่าวไว้ว่า

فَإِذَا أَمَرْتُكُمْ بِشَىْءٍ فَأْتُوا مِنْهُ مَا اسْتَطَعْتُمْ

“เมื่อฉันใช้พวกท่านกระทำสิ่งหนึ่ง จงยึดสิ่งนั้นตราบเท่าที่พวกท่านมีความสามารถเถิด” [3] (วัลลอฮุอะอฺลัม)

(มุรีด ทิมะเสน,14-10-59,ร้านแปดบรรทัด)

[1]  หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยอบูดาวูด หะดีษที่ 4033
[2]  สูเราะฮฺบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 173
[3]  หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 3321

“อะไรที่ทำได้ก็ทำ อะไรที่ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ” ในหลวงตรัสกับอาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา ครั้นเป็นประธานรัฐสภาจะต้องนำต้นฉบับรัฐธรรมนูญเข้าเฝ้า เพื่อลงพระปรมาภิไธย