ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันเสาร์, 27 เมษายน 2567

ทรัมป์ลั่น! จะรับรองบัยตุลมักดิส เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล หากเขาชนะเลือกตั้ง ปธน.

trump

ทรัมป์ลั่น! จะรับรองบัยตุลมักดิส เป็นเมืองหลวง หากได้เป็นปธน.

ว่าที่ผู้สมัครชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา นายโดนัล ทรัมป์ ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะลงนามให้การรับรองบัยตุลมักดิส ให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล หากเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะถึงนี้ในอีกไม่นานนี้

เขาได้พูดเช่นนี้ในช่วงที่เขาได้พบปะพูดคุยแบบทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเบนจามิน เนทันยาฮู เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่าน ก่อนที่จะมีการดีเบตกับคู่แข่งจากพรรครีพับลีกันนางฮิลลารี คลินตันเพียงไม่นาน

นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเบนจามิน เนทันยาฮู ได้มีการพบปะเป็นการส่วนตัว กับนายโดนัล ทรัมป์ ที่บ้านพักของเขา ก่อนที่เศรษฐีพันล้านแห่งนครนิวยอร์กคนนี้ จะขึ้นเวทีดีเบตกับผู้สมัครคู่แข่งจากพรรครีพับลีกันนางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งถือเป็นเวทีการดีเบตในการหาเสียงครั้งแรกของทั้งคู่
ทรัมป์ให้คำมั่นจะรับรอง บัยตุลมักดิส เพื่อเป็นเมืองหลวงให้กับชาวยิวอย่างถาวร

“นายทัรมป์ ได้ให้การยอมรับว่าบัยตุลมักดิสถือเป็นเมืองหลวงของคนยิวมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน นับตั้งแต่ 3,000 ปีที่แล้ว และบทบาทของสหรัฐอเมริกาภายใต้การบริหารของนายทรัมป์ อาจเป็นไปได้ที่อาจหยิบยกประเด็นดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภากลาโหมสหรัฐหรือสภาคองเกรส ในการให้การรับรองเมืองบัยตุลมักดิสในฐานะเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล โดยที่ไม่มีการแบ่งกัน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ของเขา

อิสราเอลได้เข้าไปยึดครองเมืองบัยตุลมักดิส ในช่วงสมัยของสงครามอาหรับ-อิสราเอลเมื่อปี 1967 และได้เข้าอพยพไปตั้งถิ่นฐานเมื่อปี 1980 และจากนั้นได้มีการประกาศว่าบัยตุลมักดิส ถือเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

สหรัฐอเมริการวมถึงชาติอื่นๆ ของสมาชิกแห่งสหประชาชาติ ยังไม่มีชาติใดให้การยอมรับและรับรองการเข้าไปตั้งถิ่นฐานดังกล่าว และยังมีมติเอกฉันท์เกี่ยวกับประเด็นบัยตุลมักดิส ให้เป็นเรื่องสำคัญ ที่จำเป็นต้องมีการหารือผ่านการะบวนการเจรจาสันติภาพกับประชาชนชาวปาเลสไตน์

ทางด้านสภากลาโหมของสหรัฐอเมริกา ที่ได้มีการอนุมัติร่างกฏหมายฉบับหนึ่งเมื่อเดือน ตุลาคม 1995 ที่ได้มีการเรียกร้องเพื่อให้ บัยตุลมักดิส ที่ยังไม่ได้แบ่งแยกกันให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และในการนี้ยังได้อนุมัติแผนงบประมาณในส่วนของการย้ายสถานทูตของสหรัฐอเมริกาจากเมืองเทลอาวีฟ ไปยังเมืองบัยตุลมักดิส อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนไหนมาก่อน ที่ได้ดำเนินการตามกฏหมายฉบับดังกล่าว ไม่ว่าจะมาจากพรรคเดโมเครตหรือจากพรรครีพับลีกัน เพราะถือเป็นการก้าวล้ำอธิปไตยของประเทศอื่นในด้านภารกิจการต่างประเทศ
นายทรัมป์อาจให้อิสราเอลมีส่วนร่วมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น

ทางด้านสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับผลการประชุมทวิภาคีเป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงดังกล่าว แต่กลับไม่มีการกล่าวถึงคำมั่นสัญญาของนายทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นบัยตุลมักดิสแต่อย่างใด

“นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเบนจามิน เนทันยาฮู ได้หารือกับนายโดนัล ทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงของอิสราเอล และมีความพยายามที่จะให้เกิดความเสถียรภาพมากยิ่งขี้นรวมถึงสันติภาพตะวันออกกลางด้วย”

ทางด้านนายโดนัล ทรัมป์ เขายังได้ให้คำมั่นสัญญากับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเบนจามิน เนทันยาฮู ว่า สหรัฐอเมริกาจะเปิดโอกาสให้กับทางอิสราเอลในการทำงานด้านความร่วมมือ “ในด้านยุทธศาสตร์ เทคโนโลยี และด้านการทหารอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” หากเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี

“นายโดนัล ทรัมป์ ยังได้รับรองอิสราเอลในฐานะเป็นพันธมิตรคู่ซี้ของสหรัฐอเมริกาในด้านการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายที่สุดโต่ง”

“พวกเขาได้หารือเรื่องทั่วไปที่ครอบคลุมไปถึงเรื่องสนธิสัญญาเรื่องอาวุธนิวเคลียร์กับประเทศอิหร่าน การทำสงครามกับไอเอส และรวมไปถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยด้านความมั่นคงในภูมิภาคอีกด้วย”

ในการรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า การหารือของทั้งสองนั้น ได้การือเกี่ยวกับประสบกาณ์ของอิสราเอลพร้อมกับการหารือเรื่องการป้องกันด้านความมั่นคงเกียวกับความพยายามที่จะโดดเดี่ยวอิสราเอลในฉนวนกาซ่า

นายทรัมป์ ยังได้ให้คำมั่นสัญญาว่า หากเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เขาจะสร้างกำแพงเป็นระยะทางที่ยาวที่บริเสณชายแดนสหรัฐกับแมกซิโก

 

ฟาตอนีออนไลน์ เรียบเรียง
ที่มา: berita.mediacorp.sg