ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันพฤหัสบดี, 18 เมษายน 2567

สัตว์ที่ห้ามฆ่าและส่งเสริมให้ฆ่าในอิสลาม

หลักการอิสลลามกล่าวถึงเรื่องการห้ามรับประทานสัตว์ ประเภทใดไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนสัตว์หรือสิ่งใดที่ศาสนามิได้กล่าวห้ามไว้ สัตว์นั้น หรืออาหารนั้นเป็นที่อนุญาตให้รับประทานได้

ท่านสัลมานเล่าว่า

“ท่านร่อซูลลุลลอฮฺ ถูกถามเกี่ยวกับเนย (ใส),เนยแข็ง และเสื้อทอด้วยขนสัตว์ (ว่าหะลาลหรือไม่) ท่านร่อซูล ตอบว่า สิ่งหะลาล คือสิ่งที่อัลลอฮฺทรงอนุมัติไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ ส่วนสิ่งหะรอม คือสิ่งที่พระองค์อัลลอฮฺทรงห้ามไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ ส่วนสิ่งที่ละไว้ (ไม่ระยุหะลาล หรือหะรอม) เช่นนี้ (ถือว่า) สิ่งนั้นเป็นที่อนุโลมนั้นเอง”

ประเด็นต่อมา ที่นี้เรื่องสิ่งที่ศาสนาส่งเสริมให้ฆ่า และห้ามฆ่าสัตว์ ซึ่งมีกล่าวไว้เช่นกัน เหนือสิ่งอื่นใด ผู้เขียน ขอกล่าวถึง “สัตว์”

ที่ศาสนาห้ามฆ่าก่อนก็แล้วกัน ซึ่งมีรายนามต่อไปนี้

1. กบ

กบ เป็นสัตว์ที่ศาสนาไม่อนุญาตให้ฆ่า พูดง่ายๆ ก็คือ มุสลิมห้ามฆ่ากบนั้นเอง ไม่ว่ามุสลิมนั้นจะฆ่ากบประลองฝีมือ, ฆ่ากบเพื่อนำมาขาย หรือฆ่ากบเพื่อสกัดเป็นยารักษาโรค ล้วนต้องห้ามทั้งสิ้น

ท่านอับดุรเราะหฺมาน บุตรของอุสมานเล่าว่า

“นายแพทย์คนหนึ่งถามท่านบีมุฮัมมัด เกี่ยวกับการ (ฆ่า) กบ เพื่อเขาจะสกัดกบมา (เป็นยา) รักษาโรค เช่นนี้ท่านนบี ได้ห้ามเขาอันเนื่องมาจากการฆ่า”

อนึ่ง ส่วนสาเหตุการห้ามฆ่ากบนั้นำม่พบสาเหตุ (วัลลอฮุอะอฺลัม) ส่วนที่อ้างว่า ที่ศาสนาห้ามฆ่ากบก็เพราะ เสียงร้องของกบนั้น สรรเสริญพระองค์อัลลอฮฺ นั้นก็เป้นหลักฐานที่เชื่อถือไม่ได้เช่นกัน

2. มด,ผึ้ง,นกฮุดฮุด (นกหัวขวาน) และนกอัศศุร็อด

ท่านอิบนุ อับบาส เล่าว่า

“แท้จริงท่านนบีมุฮัมมัด ห้ามฆ่าสัตว์ 4 ประเภท คือ มด, ผึ้ง,นกฮุดฮุด(นกหัวขวาน) ”

อนึ่ง กรณีที่มดมากัดเรา หรือผึ้งมาต่อยเรา เช่นนี้เราสามารถป้องกันตัวฆ่ามันได้ อันเนื่องจากป้องกันตัว หรือเพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์ดังกล่าวนั้นเอง

ส่วนสัตว์ทั้งสี่ถูกห้ามฆ่าเพราะสาเหตุอะไรนั้น ผู้เขียนไม่พบสาเหตุการห้ามเช่นกัน (วัลลอฮุอะอฺลัม)

สัตว์ที่ศาสนาส่งเสริมให้ฆ่า

สัตว์ทีท่านร่อซูลุลลอฮฺ มีคำสั่งให้ฆ่าดังนี้

1. อีกา,เหยี่ยว,แมงป่อง,หนู,และสุนัขดุร้าย

ท่านร่อซุลลุลลอฮฺ กล่าวว่า

“สัตว์ 5 ประเภท ซึ่งเป็นสัตว์ที่เลว ถูกใช้ให้ฆ่าในแผ่นดินทั่วไป และแผ่นดินหะรอม (ได้แก่) สุนัขดุร้าย,แมงป่อง,อีกา,เหยี่ยว และหนู”

2. งู

งู ก็เป็นสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่ศาสนาส่งเสริมให้ฆ่า

ท่านร่อซุลลุลลอฮฺ กล่าวว่า

“สัตว์ 5 ประเภท ซึ่งเป็นสัตว์ที่เลว ถูกใช้ให้ฆ่าในแผ่นดินทั่วไป และแผ่นดินหะรอม (ได้แก่) งู ..”

อนึ่ง กรณีงู และแมงป่อง ศาสนาอนุญาตให้ตี หรือฆ่า แม้ว่าจะอยู่ในเวลานมาซก็ตาม

ท่านรอซุรุลลออฮฺ กล่าวว่า

“พวกท่านจงฆ่าสิ่งดำทั้งสองในนมาซ (นั้นคือ) งู และแมงป่อง”

สัตว์ที่ส่งเสริมให้ฆ่า และได้ผลบุญด้วย

ส่งเสริมให้ฆ่า,จิ้งจก (ตุ๊กแก)

นางอุมมุชะรีกเล่าว่า

“แท้จริงท่านนบีมุฮัมมัด สั่งใช้ให้ฆ่าจิ้งจก (ตุ๊กแก) ” อีกหะดีษบทหนึ่ง ท่านร่อซูลลุลลอฮฺ กล่าวว่า

“บุคคลใดที่ตีจิ้งจก (ตุ๊กแก) ตายครั้งแรก สำหรับเขา จะได้ผลบุญเท่านั้น เท่านี้ และบุคคลใดที่ตีจิ้งจกตายในครั้งที่สอง สำหรับเขาจะได้ผลบุญเท่านั้น เท่านี้ แต่ (ผลบุญ) น้อยกว่าครั้งแรก และ(ถ้า) เขาตีจิ้งจกตายในครั้งที่สาม เช่นนี้สำหรับเขาจะได้ผลบุญเท่านั้น เท่านี้แต่ได้(ผลบุญ) น้อยกว่าครั้งที่สอง”

อีกหะดีษบทหนึ่ง ท่านรอซูลลุลลอฮฺ กล่าวว่า

“บุคคลใดทีฆ่าจิ้งจก (ตุ๊กแก) ในการตีครั้งแรกตาย สำหรับเขา จะได้รับผลบุญถึง 100 ความดี, ส่วนการตีครั้งที่สองตาย ผลบุญของเขาจะน้อยกว่าครั้งแรก และ (หาก) เป็นการตีครั้งที่สามตาย ผลบุญของเขาจะได้น้อยกว่าครั้งที่สอง”

สาเหตุทีให้ฆ่าจิ้งจก (หรือตุ๊กแก) ตายในครั้งแรกนั้น นักวิชาการบางท่านอธิบายว่า อันที่จริงการฆ่าจิ้งจกนั้น ศาสนาส่งเสริมให้รีบฆ่ามัน โดยการตีในครั้งแรก หรือฆ่าครั้งแรกให้ตายทันที เพราะหากครั้งแรกไม่ตาย มันจะหนีรอด ซึ่งโอกาสที่จะจับมันมาใหม่ยากกว่าครั้งแรก

และอีกเหตุผลหนึ่งคือ หารฆ่าให้ตายในครั้งแรก มันจะไม่ทรมานนั้นเอง

สาเหตุที่ศาสนาส่งเสริมให้ฆ่าจิ้งจก (ตุ๊กแก)
สาเหตุที่ศานาส่งเสริมให้ฆ่าจิ้งจก (ตุ๊กแก) ก็เพราะ จิ้งจกเป็นสัตว์ประเภทเดียวที่เป่าไฟให้ปะทุขณะที่ท่านนบีอิบรอฮีม ถูกโยนลงในกองไฟ ด้วยเหตุนี้เองท่านร่อซุลลุลลอฮฺ จึ้งสั่งใช้ให้ฆ่ามัน

นางสาอิบะฮฺ เล่าว่า

“แท้จริงนางได้เข้าไปหาท่านหญิงอาอซะฮฺ นางจึงเห็นหอกถูกวางอยู่ในบ้านของนาง, นางจึงเอ่ยถามขึ้นว่า โอ้มารดาแห่งปวงผู้ศรัทธา เธอใช้หอกนี้ทำอะไรหรือ? นางตอบว่า ฉันช้หอกนี้ไว้แทงจิ้งจก ซึ่งนบีของอัลลอฮฺเคยกล่าวแก่เราว่า ครั้นเมื่อนบีอิบรอฮีม ถูโยนลงในกองไฟ ไม่ปรากฏสัตว์ตัวใดบนแผ่นดินนี้จะช่วยดับไฟ นอกจากจิ้งจกมันช่วยเป่าไฟ(ให้ปะทุขึ้น) ด้วยเหตุนี้ท่านร่อซูลลุลลอฮฺ จึ่งสั่งใช้ให้ฆ่าพวกมันนั้นเอง”

ที่มา https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/21024