
ในยามที่ฉันท้อแท้และรู้สึกอิจฉาในความสำเร็จของผู้อื่น ฉันมักจะรำลึกถึงเรื่องราวของ “อาบูกีลาบะห์” ซอฮาบัตนบีคนสุดท้ายที่เสียชีวิตเสมอ
ซึ่งนั่นมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยความรู้สึกเนรคุณต่อนิกมัตที่อัลลอฮฺให้และลงเอยด้วยน้ำตาแห่งการสำนึกผิดทุกครั้ง
เรื่องราวของอาบูกีลาบะห์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าประทับใจ ซึ่งเราสามารถนำมาเป็นบทเรียนให้รู้จักขอบคุณในสิ่งที่มีและอดทนในสิ่งที่เจอได้
เรื่องราวนี้ได้ถูกบันทึกโดย อับดุลเลาะห์ บิน มูฮัมหมัด ซึ่งท่านได้เล่าไว้ว่า :
ครั้งหนึ่ง ในตอนที่ผมกำลังเดินสำรวจลาดเลาสงครามที่บริเวณชายแดนอียิปต์อยู่นั้น ผมก็ได้พบกับกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งมีสภาพทรุดโทรมมาก ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้กระท่อมหลังนั้น เพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้างหรือเปล่า
แล้วผมก็ได้พบกับชายคนหนึ่ง สภาพของชายคนนี้กำลังนอนหงาย มือและเท้าขาดด้วน หูที่ค่อนข้างหนวก ตามืดบอด ไม่มีอะไรเหลือนอกจากลิ้นที่สามารถพูดได้
ลิ้น…ที่เอาแต่พร่ำพูดไม่หยุดว่า
“โอ้อัลลอฮฺ ขอทรงบันดาลให้ใจของฉันยังคงสำนึกในนิกมัตที่พระองค์ได้มอบให้ต่อไป แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงให้เกียรติฉันเหนือกว่ามัคลูกอื่นทั้งปวง”
ได้ยินดังนั้น ผมจึงเดินเข้าไปหาชายคนนั้นและถามเขาว่า
“โอ้พี่น้องของฉัน มีนิกมัตไหนกันที่พระเจ้าประทานให้แก่ท่าน หรือคุณประโยชน์อะไรที่ทำให้ท่านเอาแต่ชูโกรต่ออัลลอฮฺได้มากขนาดนี้หรือ?”
ชายคนนั้นได้ตอบกลับมาว่า :
“ท่านไม่เห็นในสิ่งที่พระเจ้าของฉันได้ทำกับฉันหรือ? ข้าแด่อัลลอฮ์ หากพระองค์ทรงส่งฟ้าแล๊บมายังฉันเพื่อให้มันเผาร่างกายของฉัน หรือสั่งให้ภูเขาถล่มมาบดขยี้จนร่างกายของฉันแหลก
หรือสั่งให้น้ำทะเลดูดฉันจนจม หรือสั่งให้แผ่นดินกลืนร่างกายของฉัน ฉันก็จะไม่ว่าอะไร เว้นแต่จะทำให้ฉันขอบคุณพระองค์มากยิ่งขึ้น”
“ท่านจะขอบคุณในเรื่องอะไรกัน?”
“ท่านไม่เห็นหรือไง อัลลอฮฺทรงประทานลิ้นให้ฉัน เพื่อที่ฉันจะได้กล่าวซีกีร และกล่าวคำขอบคุณ อีกทั้งฉันยังมีลูกที่คอยอาบน้ำละหมาดให้ในตอนที่ฉันจะละหมาด คอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้ในตอนที่ฉันหิว แต่สามวันมานี้ลูกฉันไม่รู้หายไปไหน วานให้ท่านช่วยตามหาให้หน่อยได้ไหม?”
ผมได้ตอบรับและออกไปหาลูกชายของเขาให้ หลังจากค้นหาอยู่พักหนึ่ง ผมก็พบศพที่รายล้อมไปด้วยสิงโต ปรากฎว่าเป็นลูกของชายคนนั้นที่กำลังถูกสิงโตกินอยู่ ใช่ เขาได้ตายไปแล้ว
ผมเริ่มคิดไม่ตกว่าจะกลับไปบอกกับชายคนนั้นว่ายังไงดี
หลังจากเดินกลับมาถึงกระท่อม ผมได้ให้สลาม และเขาก็ตอบรับสลามพร้อมถามกลับมาว่า ” ท่านใช่คนที่ฉันได้ขอความช่วยเหลือเมื่อกี้หรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว” ผมตอบกลับ
เขาถามต่อว่า “แล้วคำขอของฉันที่วานให้ท่านช่วยล่ะ?”
ผมนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามเขากลับว่า “ระหว่างตัวท่านเองกับนบีอัยยูบ คิดว่าใครมีเกียรติกว่ากัน?”
เขาตอบกลับมาว่า “แน่นอนว่านบีอัยยูบอยู่แล้ว”
ผมจึงถามต่อว่า “ท่านรู้หรือไม่ ว่าพระเจ้าทรงทดสอบนบีอัยยูบด้วยทรัพย์สมบัติ ครอบครัว และบุตรของเขา?”
เขาตอบว่า ” แน่นอน ฉันรู้อยู่แล้ว”
ผมถามต่อ “แล้วนบีอัยยูบรับมือกับบททดสอบนั้นอย่างไร?”
“นบีอัยยูบอดทน ขอบคุณ และสรรเสริญพระเจ้า” เขาตอบ
“ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขายังถูกทดสอบด้วยการถูกญาติมิตรและเพื่อนฝูงรังเกียจอีกด้วย” ผมเสริม
“นั่นสินะ”
“แล้วท่านนบีอัยยูบรับมือกับบททดสอบนี้อย่างไร?”
“ท่านยังคงอดทน ขอบคุณ และสรรเสริญอัลลอฮฺ”
“ไม่เพียงแค่นั้น ท่านนบีอัยยูบยังถูกทดสอบด้วยการถูกดูถูกเย้ยหยันจากผู้คนรอบตัวอีก คุณรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”
“ใช่ ฉันรู้” เขาตอบ
“แล้วท่านนบีอัยยูบรับมือกับบททดสอบนี้อย่างไร?”
“ท่านอดทน ขอบคุณ และยังคงสรรเสริญอัลลลอฮฺ เอาล่ะ ที่ถามมานี้ ท่านต้องการจะสื่ออะไรกันแน่”
ผมจึงตอบกลับไปว่า “แท้จริงฉันได้พบกับลูกชายของท่านท่ามกลางเนินทรายในสภาพที่ถูกสัตว์ป่ากัดกิน ขออัลลอฮ์ทรงเพิ่มพูนรางวัลให้ท่าน และทรงให้ความอดทนแก่ท่านด้วยเถิด”
“อัลฮัมดูลิลละห์ พระองค์มิได้ทรงทิ้งลูกหลานใด ๆ ให้ฉัน เพื่อที่เขาจะไม่เชื่อฟังอัลลอฮ์ และอาจถูกลงโทษในนรกได้ อินนาลิลลาฮ ฮีวาอินนาอีลัยฮีรอจีอูน” หลังจากตอบเสร็จ เขาได้หายใจเขาลึกๆ และสุดท้ายเขาก็ได้เสียชีวิตลง
เห็นดังนั้นผมจึงกล่าว อินนาลิลลาฮ ฮีวาอินนาอีลัยฮีรอจีอูน แล้วนำผ้ามาคลุมศพเขาไว้
ทันใดนั้น มีชายสี่คนได้เข้ามา และถามไถ่เหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟัง พวกเขาจึงขอให้ผมเปิดผ้าคลุมที่คลุมศพชายคนนั้นไว้ เผื่อพวกเขาจะรู้จัก
หลังจากได้เห็นหน้า พวกเขากล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ดวงตาของเขามักจะก้มลงต่อสิ่งที่อัลลอฮฺห้ามไว้เสมอ ร่างกายของเขามักจะก้มกราบอัลลอฮฺตลอดในยามที่ผู้คนหลับใหล”
ผมจึงถามพวกเขาว่า ” พวกท่านรู้จักเขาด้วยหรอ เขาเป็นใครกัน?”
พวกเขาตอบว่า “เขาคือ อาบูกีลาบะฮฺ อัลญัรมี ซอฮาบัตนบีคนสุดท้ายที่เหลืออยู่มาจนถึงตอนนี้”
วัสสาลาม
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " หากว่าคุณกำลังท้อ และอิจฉาในความสำเร็จของผู้อื่น "