ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

บทเรียนจากประวัติศาสตร์ “โรคระบาดที่คร่าชีวิตมุสลิม”

“การกระทำที่ไม่ถูกต้องแม้จะกระทำในนามของศาสนา … มันก็มิอาจนำมาซึ่งความดีงามแต่อย่างใด”

อัล-ฮาฟิซ อิบนุ หะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 852) ได้เขียนงานสารานุกรมที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับโรคระบาดในอิสลาม ซึ่งเป็นหนังสือหนาจำนวน 850 หน้า ชื่อว่า “ว่าด้วยความร่วมมือและความเอื้อเฟื้อในภาวะแห่งโรคระบาด” (ภาษาอังกฤษ: Being Generous with Assistance Regarding the Blessings of the Plague; ภาษาอาหรับ: بذل الماعـون في فضل الطاعـون)

หนังสือเล่มนี้ของอิบนุ หะญัรฺ เป็นหนังสือฟิกฮ์ว่าด้วยโรคระบาดที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งในประวัติศาสตร์อิสลาม ซึ่งครอบคลุมทั้งประเด็นอากีดะฮ์ของมุสลิมต่อภัยโรคระบาด ที่มาที่ไปของโรคระบาด การรับมือต่อโรคระบาด หะดีษที่กล่าวถึงโรคระบาด หลักนิติศาสตร์อิสลามเกี่ยวกับโรคระบาดและประเด็นอื่น ๆ อีกมากมาย

ท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวจากโรคระบาด แต่ท่านก็รวบรวมพลังแห่งความโศกเศร้าและความศรัทธา ทุ่มเทศึกษาและเขียนหนังสือเกี่ยวกับโรคระบาด ซึ่งได้กลายมาเป็นหนึ่งในหนังสือประเด็นนี้ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์อิสลาม นี่คือชุดความคิดของอุละมาอ์มุสลิมในอดีตที่ยิ่งใหญ่ที่เราให้ความเคารพเป็นอย่างมาก

มีบทเรียนมากมายที่เราได้รับจากหนังสือเล่มนี้ ดังที่อิบนุ หะญัร ได้รวบรวมหะดีษของท่านนบีเกี่ยวกับประเด็นโรคระบาด แล้วนำมาอธิบายขยายความต่อให้เราเข้าใจด้วยถ้อยคำที่ลึกซึ้ง เช่น โรคระบาดนั้นเป็นทั้งการลงโทษจากอัลลอฮ์ต่อชนกลุ่มหนึ่ง และเป็นทั้งความเมตตาจากอัลลอฮ์ต่อชนผู้ศรัทธา ดังนั้นผู้ศรัทธาจึงต้องอดทนและมองเห็นความหมายที่อยู่เบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้

หรือท่านได้อธิบายจากหะดีษที่กล่าวว่า ผู้ใดที่ไม่หนีออกไปจากดินแดนที่มีโรคระบาด เนื่องจากเขายอมปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดตามสุนนะฮ์ท่านนบี (คือคนนอกจะต้องไม่เข้าไปในดินแดนโรคระบาด และคนในจะต้องไม่ออกไปจากดินแดนโรคระบาด) หากเขาต้องเสียชีวิตจากโรคระบาดนั้นในสภาพที่มีอีหม่านและตักวา เขาก็จะเสียชีวิตลงในสถานะชะฮีด

แต่วันนี้เราจะกล่าวถึงบทเรียนหนึ่งที่มีความสำคัญมากต่อชีวิตชาวมุสลิม จากหนังสือเล่มนี้ในหน้าที่ 329 ท่านกล่าวว่า ในปี ฮ.ศ. 749 มีโรคระบาดหนึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับชาวเมืองดามัสกัส ดังนั้นผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของเมืองจึงตัดสินใจออกไปทำการละหมาดและดุอาอ์บริเวณข้างนอกเพื่อวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อภัยพิบัติครั้งนี้

แต่หลังจากที่ทุกคนรวมตัวละหมาดกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผลปรากฏว่าโรคระบาดกลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นและอัตราการเสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงสามารถกล่าวได้ว่า สถานการณ์ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจออกไปประกอบศาสนกิจร่วมกันข้างนอกนั้น สถานการณ์การระบาดของโรคในเมืองดามัสกัสยังอยู่ในระดับที่ดีกว่านี้มาก!!

อิบนุ หะญัรฺ เขียนอธิบายเหตุการณ์นี้เพิ่มเติมว่า ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์พบเห็นเหตุการณ์ทำนองนี้ด้วยตัวเอง ในปี ฮ.ศ. 833 มีโรคระบาดที่เมืองไคโร ท่านต้องสูญเสียลูกสาว 3 คนจากโรคระบาดที่แพร่กระจายไปยังผู้คนทั่วดินแดนอียิปต์ ซึ่งอียิปต์ช่วงเวลานั้นอยู่ภายใต้การปกครองของสุลต่านอัชรอฟแห่งราชวงศ์มัมลู๊ก

จากการระบาดครั้งนั้นเองได้ทำให้คนในเมืองอียิปต์ต้องเสียชีวิตอย่างน้อย 40 คนต่อวัน ผู้คนจึงพากันตัดสินใจรวมตัวกันเพื่อทำการละหมาดญะมาอะฮ์ขนาดใหญ่ในที่สาธารณะกลางทะเลทรายซึ่งอยู่นอกตัวเมือง

ดังนั้นพวกเขาจึงพากันออกไปรวมตัวกันเพื่อทำการละหมาดโดยใช้ระยะเวลาครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็กลับเข้ามาในเมือง แต่ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ท่านก็พบว่ามีผู้คนในเมืองทยอยกันเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 1,000 คนต่อวัน

ขณะที่ อิบนุ หะญัรฺ เขียนกล่าวถึงประเด็นนี้ในยุคสมัยของท่าน ซึ่งท่านไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ แต่มันเป็นเรื่องที่มีความชัดเจนแล้วในยุคสมัยของเรา เราทราบถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคและไวรัสในที่ที่มีคนจำนวนมากรวมตัวปะปนกัน ว่ามันเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญหรือแท้ที่จริงแล้วมันเป็นปัจจัยหลักเลยด้วยซ้ำที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตของผู้คนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นทวีคูณ

แม้ว่าชนเหล่านั้นในอดีตจะมีเจตนาที่บริสุทธิ์ใจในการออกไปรวมตัวกัน เพื่อทำการละหมาดและดุอาอ์เป็นกรณีพิเศษอันเนื่องจากโรคระบาดก็ตาม แต่อัลลอฮ์บอกให้เราใช้มาตรการป้องกันที่จำเป็นทุกวิถีทางก่อนมอบหมายให้กับพระองค์ ตอนนี้เราต้องรู้ว่าข้อควรระวังที่จำเป็นเหล่านี้คือ เราต้องหลีกเลี่ยงการออกไปปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาดเช่นนี้

เหตุการณ์ที่อิบนุ หะญัรฺ กล่าวถึงนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนในอดีตที่ไม่รู้สภาพความเป็นจริงและไม่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอเกี่ยวกับไวรัสและการแพร่กระจายของโรคระบาด พวกเขาจะได้รับการอภัยในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ และเราก็ขอวิงวอนให้อัลลอฮ์ทรงตอบแทนในความบริสุทธิ์ใจของพวกเขา

ขณะที่คนรุ่นเรานี้ไม่มีข้ออ้างใด ๆ อีกแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงเหล่านี้เป็นที่ทราบกันดี ปัจจุบันเราเข้าใจถึงสภาพความจริงของเชื้อไวรัสและการระบาด ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่ไม่เคยได้รับความเข้าใจมาก่อนในอดีต

” … การกระทำที่โง่เขลาแม้จะกระทำในนามของศาสนา มันก็ไม่นับว่าเป็นการกระทำที่เคร่งครัดในศาสนาแต่อย่างใด …”

ข้าพเจ้าขอความร่วมมือให้ทุกท่านช่วยกันลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ตอนนี้โรคระบาดครั้งนี้ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก และแทบจะไม่มีประเทศใหญ่ ๆ ใดที่รอดพ้นจากมันได้เลย ดังนั้นเราจึงต้องระแวดระวังและป้องกันตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องนำบทเรียนจากประวัติศาสตร์เช่นนี้มาทบทวน แท้จริงอัลลอฮ์คือผู้ทรงปกป้องเรา หากว่าเรานั้นวางมาตรการที่จำเป็นกับตัวเองเสียก่อน

| ชัยค์ ยาสิร กอฎีย์

References:https://www.facebook.com/yasir.qadhi/photos/a.10150091939643300/10157664010663300/?type=3&theater
https://youtu.be/41yfNol1FgM
https://youtu.be/ubGJJNQjF28

#Cr. Fbบ่าวผู้ต่ำต้อย อ่อนแอ