
ครั้งหนึ่ง
มีชายหนุ่มสองคนได้จับลากตัวชายอาหรับเร่ร่อนจากทะเลทรายมาหาท่านอุมัร เพื่อตัดสินลงโทษ
ท่านอุมัรถามว่า เขาทำอะไรผิดหรือ
ชายหนุ่มทั้งสองตอบว่า เขาฆ่าบิดาของเราทั้งสอง ท่านอุมัรจึงถามชายผู้เป้นฆาตกรว่า ทำไมจึงฆ่าเขา และฆ่าอย่างไร
เขาจึงเล่าเหตุการ์นทั้งหมดให้ท่านอุมัรฟังว่า ผู้ตายได้นำอูฐเข้ามาในที่ของเขา เขาจึงได้ขับไล่ผู้ตายและอูฐออกจากที่ของเขา แต่ผู้ตายไม่ยอมออก เขาจึงเอาก้อนหินขว้างไปโดนที่ศรีษะ ทำให้ผู้ตายได้เสียชีวิต
ท่านอุมัรจึงตัดสินให้ประหารชีวิตเขาทันที แต่เขาได้กล่าวขอกับท่านอุมัรว่า เขายินดีรับโทษตามความผิด แต่ขอให้เขาได้กลับไปหาร้ำลาครอบครัวลูกๆ ที่ยังเล้กๆ และกำลังรออาหารจากเขาก่อนได้หรือไม่ เพราะครอบครัวของเขารอเขากลับบ้านอยู่และอาจจะอดตาย
ท่านอุมัรจึงถามทุกคนว่า ในที่นี้ใครจะรับประกันเขาได้บ้าง ทุกคนเงียบ ไม่มีใครที่จะรับประกันชายแปลกหน้าเผ่าเร่ร่อนอย่างเขาได้ ท่านอุมัรจึงให้พาเขาไปยังที่ประหาร ท่านอุมัรรู้สึกเป้นกังวลถึงครอบครัวของเขามาก เพราะการประหารเขา อาจเท่ากับประหารชีวิตครอบครัว ลูกๆเล้กๆของเขาด้วย
เมื่อถึงที่ประหารท่านอุมัรจึงถามบุตรชายทั้งสองของผู้ตายอีกครั้งว่าท่านทั้งสองคิดเช่นไร บุตรชายทั้งสองก้ยังยืนยันที่ต้องการให้ประหารเขาเลย ท่านอุมัรจึงถามคนอื่นๆอีกว่า จะมีใครกล้าค้ำประกันให้เขากลับไปหาครอบครัว ก่อนประหารไหม ทุกคนเงียบ ยกเว้นผู้เฒ้าคนหนึ่งที่ชื่อ อบูซัรริน ซอฮาบะฮ์ผู้อาวุโสของรอซูลุ้ลลอฮ์(ซล)
ท่านได้ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า ฉันขอรับประกันเขาเอง ท่านอุมัรจึงถามว่า ท่านรู้จักเขาหรืออบูซัรริน กล่าวฉันไม่รู้จักเขา
ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างไหม ท่านอุมัรถาม
ท่านอบูซัรรินกล่าวว่า ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ท่านอุมัรจึงกล่าวว่าแล้วท่านกล้ารับประกันเขาหรือ อบูซัรรินก้ยังยืนยันรัปประกันเขาเหมือนเดิม
ท่านอุมัรจึงให้เวลาเขาสามวันที่จะกลับไปหาครอบครัวและให้กลับมาก่อนดวงอาทิตย์ตกของวันที่สาม โดยมีอบูซัรรินเป้นผู้ค้ำประกันด้วยชีวิต
และสามวันหลังจากนั้น หลังละหมาดอัสริ ชายผู้นั้นก้ยังไม่กลับมา ท่านอุมัรมองท่านอบูซัรรินที่นั่งอยู่ข้างหน้าด้วยความกังวลใจเป้นที่สุด แต่ท่านอบูซัรรินกลับนั่งอย่างสงบนิ่ง และทุกคนต่างเฝ้ามองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ด้วยหัวใจที่คิดว่าวันนี้ทำไมดวงอาทิตย์จึงเดินเร็ว
แต่ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ก้อปรากฏชายอาหรับเร่ร่อนผู้นั้นได้กลับมาทันตามสัญญา ท่านอุมัรได้กล่าว อัลลอฮุอักบัรๆ ด้วยเสียงอันดัง พร้อมการกล่าวอัลลอฮุอักบัรของผู้ที่อยู่ในมัสยิดทั้งหมด
หลังจากนั้นท่านอุมัรจึงถามเขาว่า ทำไมเจ้าจึงกลับมา เขากล่าวตอบว่า ถ้าฉันไม่กลับมาฉันกลัวว่าผู้คนจะไม่รักษาสัญญากันอีก แล้วท่านอุมัรจึงได้หันไปถามท่านอบูซัรรินว่า แล้วทำไมท่านจึงกล้ารับประกันให้เขา ท่านอบูซัรรินได้กล่าวตอบว่า เพราะฉันกลัวความดีของผู้คนจะหายไป ท่านอุมัรจึงได้หันไปถามบุตรชายทั้งสองของผู้ตายว่า แล้วท่านทั้งสองคิดว่าอย่างไร บุตรชายทั้งสองของผู้ถูกตายก้กล่าวว่า
เราทั้งสองอภัยให้เขาแล้ว ด้วยความดีของเขา อย่าประหารเขาเลย
ท่านอุมัรจึงถามว่า ทำไมท่านทั้งสองจึงอภัยแก่เขา บุตรทั้งสองของผู้ตายจึงกล่าวว่า เพราะเรากลัวว่าผู้คนจะไม่มีการให้อภัยกันอีก
เมื่อทั้งสองกล่าวตอบแก่ท่านอุมัรดังนั้นแล้ว เสียงกล่าว อัลลอฮุอักบัรได้ดังกฮึ่มไปทั้วมัสยิด พร้อมกับน้ำตาแห่งการให้อภัยซึ่งกันและกันบนใบหน้าและสองแก้มของคนทั้งมัสยิด อัลลอฮุอักบัรๆๆๆๆๆๆ
แว่นตามุสลิม
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " การรักษาสัญญา รักษาความดี และการให้อภัย "