ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันศุกร์, 29 มีนาคม 2567

หลักฐานการมีอยู่ของ “วลียุลลอฮฺ” จากอัลกุรอาน และอัลหะดิษ

duab
อยากทราบหลักฐาน หรืออายะฮฺกุรอาน ที่บอกเกี่ยวกับเรื่องราวการมีของบรรดา วอลี ทั้งหลาย เพราะมีน้องที่มหาลัยมาถาม น้องเค้าอยากได้หลักฐาน เพราะบางคนเค้าไม่เชื่อ,ไม่มี………….ฝากแบอัซ อารี หรือคนอื่นช่วยตอบ พร้อมหลักฐานหน่อย……………ต้องการมากยิ่งเร็วยิ่ง ดีครับ………เตอรีมอกาเซะ  ญาซาเกาลอฮฺ   

بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

คำถามนี้  คงจะเกี่ยวกับเรื่องวะลีย์ ที่มีกะรอมัตมั้งครับ คือ เขาอาจจะไม่เชื่อกะรอมัตของวะลีย์  ทั้งที่อัลกุรอาน และหะดิษ ได้ยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

คำว่า “อัลวะลีย์” الولى  เป็นคำเอกพจน์  ส่วนคำพหูพจน์จะอ่านว่า “เอาลิยาอ์” الأولياء   ดังนั้น  บรรดาวะลีย์  ได้กล่าวระบุในอัลกุรอาน  ความว่า

أَلا إِنَّ أَوْلِيَاء اللّهِ لاَ خَوْفٌ عَلَيْهِمْ وَلاَ هُمْ يَحْزَنُونَ

แท้จริงบรรดาวะลีย์ของอัลเลาะฮ์นั้น  พวกเขาย่อมไม่ประสบความหวาดกลัวใด ๆ และพวกเขาไม่มีความโศรกเศร้า

الَّذِينَ ‏آمَنُواْ وَكَانُواْ يَتَّقُونَ

ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น  เป็นพวกที่มีศรัทธา และพวกเขามีความยำเกรง

لَهُمُ الْبُشْرَى فِي الْحَياةِ الدُّنْيَا وَفِي الآخِرَةِ

พวกเขาได้รับแต่ความเปรมปรีดิ์ ในชีวิตโลกนี้ และในโลกหน้า”  ยูนุส 62 – 63

อายะฮ์นี้  ชี้ถึง  การมีวะลียุลลอฮ์  หมายถึงคนรักของอัลเลาะฮ์ผู้มีความศรัทธาและยำเกรงอย่างแท้จริง

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ในอัลกุรอาน ความว่า

كلما دخل عليها زكريا المحراب وجد عندها رزقا قال يا مريم أنى لك هذا قالت هو من عند الله إن الله يرزق من يشاء بغير حساب

ทุกครั้งที่ (นบี) ซะกะรียา ได้เข้าไปหาพระนาง (มัรยัม) ที่ห้องนมัสการ  เขาได้พบปัจจัยยังชีพอยู่ที่นาง (อย่างพร้อมเพรียง) เขาจึงถามว่า “มัรยัมเอ๋ย ! สิ่งนี้เธอมีมันได้อย่างไร?” นางก็ตอบว่า “มันมาจากอัลเลาะฮ์  แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์  โดยไม่สามารถนับคำนวนได้” อาละอิมรอน 37

เป็นที่ทราบดีว่า  พระนางมัรยัม เป็นวะลียะตุลลอฮ์  ซึ่งอัลเลาะฮ์ได้ประทานกะรอมัตให้แก่นาง  ซึ่งบรรดาผลไม้ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงฤดูของมัน

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

وَهُزِّي إِلَيْكِ بِجِذْعِ النَّخْلَةِ تُسَاقِطْ عَلَيْكِ رُطَباً جَنِيّاً

และเธอจงเขย่าต้นอินทผาลัม มายังตัวเธอเถิด  มันจะร่วงมาให้เธอ ซึ่งผลอินทผาลัมสด (เพื่อให้เธอได้รับประทาน)” มัรยัม 25

ต้นอินทผาลัมที่เหี่ยวแห้ง ไม่น่าจะมีอินทผาลัมสด  แต่อัลเลาะฮ์บัญชาให้พระนางมัรยมเขย่าต้นอินผาลัม  ทันใดนั้น  อินทผาลัมสด  จึงหลุ่นมาที่ตักของนางเพื่อจะได้รับประทาน  นั่นชี้ถึง  กะรอมัตของพระนางมัรยัม  ผู้เป็นวะลีท่านหนึ่ง

รายงานจากท่านอะนัสได้รายงานว่า

أن أُسَيد بن حُضير وعبَّاد بن بشر  خرجا من عند رسول الله صلى الله عليه وسلم في ليلة مظلمة، وإذا نور بين أيديهما حتى تفرقا، فتفرق النور معهما

แท้จริง อุซัยด์ บิน หุฏัยร์ และอับบาด บิน บิชร์ (ร่อฏิยัลลอฮุมา) ได้เดินออกไปจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในค่ำคืนที่มือมิด และทันใดนั้น  ก็มีแสงรัศมีระหว่างสองมือของทั้งสอง  จนกระทั่ง ทั้งสองได้แยกทางกัน  แล้วแสงรัศมีก็แยกออกพร้องกับทั้งสอง”  รายงานโดย อัลบุคอรีย์

หะดิษนี้ ชี้ถึงกะรอมัตของท่าน อุซัยด์ บิน หุฏัยร์ และท่านอับบาด บิน บิชริ์  ผู้เป็นวะลียุลลอฮ์

ท่าน อุซัยด์ บิน หุฏัยร์  กล่าวรายงานว่า

بينما كنت أقرأ من الليل سورة البقرة، وفرسي مربوط عندي، إذ جالت الفرس، فسكتُّ فسكنت، فقرأت فجالت الفرس، فسكتُّ فسكنت، ثم قرأتُّ فجالت. وكان ابنه يحيى قريبا منه فأشفق أن تصيبه، فأخذه من مكانه خشية أن تصيبه، قال: فرفعتُّ رأسي إلى السماء فإذا مثل الظُّـلَّة فيها أمثال المصابيح، فخرجَت حتى لا أراها. فلما أصبح حدَّثت النبي صلى الله عليه و سلم فقال له: وتدري ما ذاك ؟ قال: لا، قال: تلك الملائكة دنت لصوتك، ولو قرأتَ لأصبحت ينظر الناس إليها، لا تتوارى منهم

ในขณะที่ฉันกำลังอ่านซูเราะฮ์ อัลบะกอเราะฮ์ ในยามค่ำคืน  โดยที่ม้าของฉันถูกผูก ณ ที่ฉัน ทันใดนั้น มันก็เดินวนเวียนรอบ  ดังนั้น ฉันจึงหยุดอ่าน  ม้าก็หยุดนิ่ง  แล้วฉันอ่านต่อ   ม้าก็เดินเวียนต่อ  แล้วฉันก็หยุดอ่าน  ม้าก็หยุดนิ่ง  หลังจากนั้น ฉันก็อ่านต่อ  ม้าก็เดินเวียนต่อ (ผู้รายงานกล่าวว่า) บุตรชายของท่านอุซัยด์ ชื่อยะหฺยา ซึ่งอยู่ใกล้กับเขา ท่านอุซัยด์เป็นห่วงว่า จะถูกม้า (เหยียบ)  จึงนำเอาบุตรของเขา เข้ามานั่ง เพื่อไม่ให้ถูกม้า (เหยียบ)  ท่านอุซัยด์กล่าวต่อว่า  ดังนั้น  ฉันถึงเงยศรีษะขึ้นไปยังท้องฟ้า  ปรากฏว่า มีประหนึ่งดังหมู่เมฆ  ซึ่งในมันนั้น มีเหมือนดั่งบรรดาตะเกียง  ฉันจึงออกไปดูมัน จนกระทั่ง (มันจากไปจน) ฉันมองไม่เห็น  เมื่อถึงตอนเช้า ฉันจึงเล่าให้ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ฟัง  แล้วท่านนบีก็กล่าวว่า  ท่านไม่รู้ดอกหรือว่า นั่นคืออะไร?  เขาตอบว่า ไม่รู้  ท่านนบีกล่าวว่า  ดังกล่าวนั้น คือบรรดามะลาอิกะฮ์  ที่เข้าใกล้มาเพื่อสดับฟังเสียง (อ่านอัลกุรอาน) ของท่าน  และหากว่าท่านอ่านอัลกุรอานอีก บรรดามะลาอิกะฮ์จะอยู่ถึงเช้า โดยบรรดาผู้คนจะได้เห็น โดยไม่ซ่อนเร้นจากพวกเขาเลย”  รายงานโดย อัลบุคอรีย์

จากหะดิษดังกล่าว ได้ยืนยันถึง  กะรอมัตของท่าน อุซัยด์ บิน หุฏัยร์ (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ) ผู้เป็นวะลียุลลอฮ์ท่านหนึ่ง

และยังมีหลักฐานอีกมากมาย  เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ไม่สามารถนำมาเสนอได้ อันเนื่องจากเวลามีจำกัด

والله أعلى وأعلم

al-azhary

www.sunnahstudent.com