ซูจีเปิดปากครั้งแรก ยันปกป้อง ‘ประชาชนทุกคน’ ในรัฐยะไข่

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ว่านางออง ซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐและรมว.กระทรวงการต่างประเทศเมียนมา กล่าวว่ารัฐบาลของเธอพยายามเป็นอย่างดีที่สุดในการปกป้อง "ประชาชนทุกคน" ในรัฐยะไข่ ในขณะที่กองทัพเมียนมาสู้รบกับ “กลุ่มก่อการร้าย” ที่ก่อเหตุตามจุดตรวจของเจ้าหน้าที่มาแล้วหลายระลอก นับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน เธอขอให้ทุกฝ่ายรับข่าวสารด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากในตอนนี้มีผู้ไม่ประสงค์ดีเจตนาเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ไม่ใช่เพียงแต่เพื่อสร้างความเข้าใจอันคลาดเคลื่อนให้แก่ประชาชน แต่ยังหวังเป็นการปลุกระดมให้วิกฤติครั้งนี้บานปลายด้วย
 

Myanmar State Counsellor to President Erdogan: Deputy Prime Minister was simply tip of huge iceberg misinformation https://t.co/TxKihHbWOT pic.twitter.com/GHtalshSn8

— Zaw Htay (@ZawHtayMyanmar) September 5, 2017

ทั้งนี้ นางซูจีได้กล่าวเรื่องนี้ระหว่างสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กรณีที่นายเมห์เมต ซิมเซก รองนายกรัฐมนตรีตุรกี ทวีตภาพกลุ่มผู้เสียชีวิตชาวโรฮีนจาบนบัญชีทวิตเตอร์ของตัวเอง แต่ไม่ใช่ผู้เสียชีวิตที่มาจากเหตุการณ์ในรัฐยะไข่ ก่อนที่รองนายกรัฐมนตรีของตุรกีลบภาพนั้นออกในเวลาต่อมา นางซูจีกล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างของการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดพลาด และกลายเป็นการประชาสัมพันธ์ “กลุ่มก่อการร้าย” โดยไม่รู้ตัว

 
สถานการณ์รุนแรงระลอกใหม่ในรัฐยะไข่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองทัพกอบกู้โรฮีนจาแห่งอาระกัน ( อาร์ซา ) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400 คน และชาวโรฮีนจามากกว่า 125,000 คนลี้ภัยข้ามพรมแดนไปยังบังกลาเทศ ซึ่งรายงานของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ระบุว่า 80% ของผู้ลี้ภัยยังคงเป็นผู้หญิงและเด็ก พร้อมทั้งแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรม ด้านนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมามอบสัญชาติให้แก่ชาวโรฮีนจาในประเทศที่มีอยู่ราว 1.1 ล้านคน และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่.