นร.หญิงชั้น ม.4 รร.คณะราษฎรบำรุง จ.ยะลา ตกตึกชั้น 4 สาหัส ผอ.สั่งตั้งคณะกรรมการสอบ

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.65 เวลาประมาณ 11.20 น.มีรายงานแจ้งว่า เกิดเหตุ นักเรียนหญิงชั้น ม.4 โรงเรียนคณะราษฏรบำรุง จ.ยะลา ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมประจำจังหวัดยะลา ได้ตกตึกเรียน อาคาร17ชั้นที่ 4 ร่างกระแทกรถยนต์ของครูที่จอดอยู่ชั้นล่าง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุได้นำตัวนักเรียนที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลยะลาแล้ว เบื้องต้น มีสติ และให้การได้

ด้านนายนพปฎล มุณีรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จ.ยะลา ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวยะลาทูเดย์ว่า เด็กนักเรียนหญิงที่ประสบเหตุนั้น กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ซึ่งเบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ และอยในความดูแลของแพทย์แล้ว ซึ่งนิสัยส่วนตัวนั้น เป็นคนที่ค่อนข้างเงียบ

โดยน้องเพิ่งย้ายมาจาก จ.ตรัง หลังจากสอบเข้าศึกษาต่อที่นี้ได้ โดยในช่วงที่เกิดเหตุนั้น ทราบว่าเป็นช่วงเปลี่ยนคาบเรียน และก็เกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งจากการสอบถามไปยังผู้ปกครอง ทราบว่า เมื่อวานนี้ ได้มีปัญหาว่ากล่าวตักเตือนลูกสาว แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นปัญหาอะไร จึงยังไม่สามารถทราบสาเหตุแรงจูงใจที่ทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น โดยขณะนี้ตนเองได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ทราบสาเหตุดังกล่าวแล้ว ขณะที่จุดที่เกิดเหตุนั้น เป็นอาคารเรียน 4 ชั้น มีผนังกั้นสูงประมาณ 1 เมตรกว่า และยังมีระเบียงป้องกันการตกจากอาคารรองรับอยู่ ส่วนรถยนต์ที่จอดด้านล่าง เป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฟอร์ดเฟียสต้า สีขาว มีรอยบุบที่ฝากระโปรงด้านหน้าทางซ้าย ซึ่งร่างของนักเรียนหญิงคนดังกล่าวตกใส่

ขณะที่จากการสอบถามเพื่อนนักเรียน ทราบว่า ปกติน้องก็มีนิสัยร่าเริง ปกติ แต่อาจไม่ค่อยพูดคุยกับใคร ขณะเกิดเหตุ เรียนอยู่ชั้น 3 ของอาคาร17(ที่เกิดเหตุ) หลังหมดคาบเรียน เพื่อน ๆ ก็เดินออกจากห้องเรียน น้องผู้หญิงได้บอกกลุ่มเพื่อนว่าจะไปธุระแป๊บนึง แล้วก็หายไป จนตนเองก็มารู้ว่าประสบเหตุตกอาคารเรียนลงมา โดยไม่ทราบว่า เพื่อนผู้หญิงนั้น เดินขึ้นไปที่ชั้น 4 ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครเรียนอยู่ที่ชั้นดังกล่าว โดยอาคารเรียน 17 ที่เกิดเหตุนั้น มี 4 ชั้น ชั้นล่างจะโล่ง และมีห้องเรียนที่ ชั้น 2,3,4 ขณะที่จุดเกิดเหตุที่ชั้น 4 ยังพบรองเท้าผ้าใบสีขาวของน้องนักเรียนที่ประสบเหตุ ถอดวางอยู่หน้าชั้นเรียน ใกล้กับผนังกั้น หน้าห้อง 1745 โดยยังมีการปิดกั้นบริเวณดังกล่าว เพื่อทำการตรวจสอบ หาหลักฐานและสาเหตุเพิ่มเติมต่อไป

ขอบคุณที่มา #ยะลาทูเดย์ #YalaToDay

shaychaidantai.com