 |
 |
 |
 |
 |
จบลงด้วยดี’ดีน วล็อก’ บล็อกเกอร์ชื่อดังกับ นาโน แซน ผลิตภัณฑ์น้ำมังคุดสกัด ที่ฟ้องกันไปมานับ 10 คดี ในระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา 2 ฝ่ายจับมือเลิกแล้วต่อกัน ‘ดีน’ แม้สิ้นสุดการเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ยังช่วยโปรโมทสินค้า
ปัญหาระหว่าง ‘ดีน วล็อก’ จิไคดีน เจ๊ะและ ยูทูบเบอร์ชื่อดัง กับนาโนแซน แบรนด์ผลิตภัณฑ์น้ำมังคุดสกัด ที่บริหารโดย 2 สามีภรรยา ไฟซอล และ ฮุซนียะห์ สะอุ เกิดขึ้นหลังจากที่ดีน วล็อก ซึ่งรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้นาโนแซน ได้ถอนตัวจากการเป็นพรนีเซ็นเตอร์กะทันหัน ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์นานาแซน ที่มีตัวแทนหลายร้อยคนที่ถูกมองว่า ขายสินค้าหลอกลวงประชาชน
‘ตอนนั้น ที่พูดกันมากกว่า คนใน 3 จังหวัด(ชายแดนใต้)ต้องไม่โดนหลอก ถูกกล่าวหาว่า ไม่มีฮาลาล ไม่มีอย. สินค้าไม่มีคุณภาพ ซึ่งปัญหามาจากมือที่ 3 ที่ทำให้เรา 2 ฝ่ายมีปัญหากัน ซึ่งโดยข้อเท็จจริง นาโนแซน เป็นผลิตที่มีคุณภาพ มีฮาลาล มีอย. มีGMP,HACCP,Fssc และโคเชอร์ เป็นมาตรฐานที่สากลยอมรับ เรามีครบทั้งหมด บางแบรนด์ยังไม่มีเลย นาโนแซน เน้นเรื่องความปลอดภัยตั้งแต่การผลิตจนถึงผู้บริโภค ไม่มีอันตรายใดๆ และไม่มีสารปนเปื้อนใดๆ’ ไฟซอล สะอุ ผู้บริหารนานาโนแซน กล่าว
การจับมือกันระหว่างนาโนแซน และดี วล็อกนำไปสู่การแถลงการณ์เปิดใจ DEEN VLOG vs NANOXAN พูดคุยหัวข้อ ผลิตภัณฑ์น้ำมังคุดสกัด 100% NANOXAN เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมอัลฟฟาฮัจย์ หาดใหญ่สงขลา โดยมีทั้ง 2 ฝ่าย ดีน วล็อก ผู้บริหารนาโนแซน ทนายความทั้ง2 ฝ่าย สุไฮมี มะเก๊ะ ประธานฝ่ายกิจการฮาลาลกอ.นราธิวาส และนายวิสูตร ออสันตินุตสกุล รองประธานกอ.พัทลุง ร่วมกันพูดคุย โดยมีตัวแทนเข้าร่วมรับฟังหลายสิบคน
ฮุซนียะห์ สะอุ ผู้บริหารนาโนแซน ซึ่งดูแลด้านการตลาด และสัญญากับดีน วล็อก ให้เหตุผลที่ต้องฟ้องดีนว่า
เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรา 2 ฝ่ายตกใจมาก เพราะตั้งแต่ตอนแรก หากสินค้าของเราไม่มีคุณภาพ ดีนคงไม่รับเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่้งการถอนตัวอย่างกะทันหันของดีน เราช็อคมาก บริษัทได้รับผลกระทบมาก เพราะสังคมสงสัยว่า สินค้าเรามีคถณภาพจริงหรือเปล่า ผลกระทบไปถึงตัวแทน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใน 3 จังหวัดได้รับผลกระทบหลายคนเป็นหนี้ และบริษัทเองก็ขาดทุนนับ 10 ล้านบาท เราจึงจำเป็นต้องฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิ์และได้มีโอกาสพูดคุยกัน
‘ตอนมีปัญหา เราคิดว่า จะเดินหน้าต่อหรือจะหยุด แต่ด้วยความรับผิดชอบที่มีต่อตัวแทน เราจะปล่อยให้เขามีปัญหาไม่ได้ ต้องปกป้องสิทธิ์ของเราและของตัวแทน แต่ทางเรายอมรับว่า ในข้อกฎหมายเราไม่ได้ศึกษาละเอียด ทำให้มีปัญหาการโฆษณาโอเวอร์เคลม ซึ่งก็ได้ไปพบอย. จ่ายค่าปรับ และสำสัญญาว่า จะไม่โฆษณาโอเวอร์เคลม เพราะน้ำสกัดมังคุดเป็นอาหาร บอกได้เฉพาะประโยชน์ของมังคุด ที่ผ่านมาตัวแทนซึ่งมีจำนวนมากก็พูดตามความรู้สึก สิ่งที่ดีจากการดื่มน้ำมังคุดสกัด เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่จากนี้ไปก็จะไม่มีปัญหาโอเวอร์เคลม’ ฮุซนียะห์ กล่าว
ด้านดีน กล่าวว่า จริงๆปัญหาไม่ได้มีอะไรกัน มาจากคนนอก เมื่อ 2 ฝ่ายได้เจอ ได้พูดคุยกัน ปัญหาก็หมดไป สุดท้ายก็ถอยคนละก้าวถอนฟ้อง
‘ช่วงที่คุยกัน จับมือกัน เป็นเพื่อนกัน เป็นช่วงเดือนรอมฎอน นับเป็นบอรากัต ตอนนี้ปัญหาคลี่คลาย เป็นโอกาสดีที่ได้ที่ได้พูดคุยกัน และได้ประกาศให้สังคมรับรู้ที่จะเดินไปข้างหน้า พ่อแม่ที่บ้านก็ดีใจที่ปัญหาคลี่คลาย’ ดีน วล็อก กล่าว และระบุว่า ช่วงที่มีปัญหาได้ใช้แนวทางอิสลามแก้ปัญหา อดทน ละหมาด ให้พ่อแม่ขอดุอาว์ให้ ใช้หลักการศาสนาแก้ปัญหาจึงผ่านบททดสอบมาได้
‘เป็นบททดสอบของอัลเลาะห์ ที่หากเราผ่านมาได้ ก็จะเป็นยกระดับตัวเราเอง การให้อภัยคนอื่น ก็เท่ากับเป็นการให้อภัยตัวเอง 2 ฝ่ายก็ยกฐานะความสัมพันธ์มาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ขอบคุณดีน ที่แม้จะไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์แล้วแต่ก็ยังจะช่วยโปรโมทสินค้าให้ ขอบคุณมาก’ ฮุซนียะห์ สะอุ กล่าว
นัจมีย์ อัตตอฮีรี ทนายฝ่ายดีน วล๊อก บอกว่า ช่วงแรกๆ ทั้ง 2 ฝ่ายซัดกันแรงมาก ฟ้องกันไปมานับ 10 คดี ก็เห็นว่า การต่อสู้กันไม่มีปัญหา แต่เวลาที่เสียไป ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี มาคำนวณผลประโยชน์ว่า สิ่งที่จะได้ คืออะไร ในส่วนจองคดี ไม่แน่ว่า ฝ่ายไหนจะชนะท้ั้งหมด หรือแพ้ทั้งหมด ก็คุยกับทนายฝ่ายนาโนแซน พราวรวี ว่องไวทวีวงศ์ ว่า จะถอยคนละก้าวไม๊ ซึ่งทนายพราวรวี ก็ทำทุกวิถีทางช่วยประสาน เดินหน้าต่อจนปัญหายุติ ดีใจที่ยุติลงได้ ทั้ง 2 ฝ่ายถ้าสู้ไปก็มีแต่น้ำตา แต่ถ้าเจรจายุติกันก็มีรอยยิ้มทั้ง 2 ฝ่าย
‘การฟ้องร้องไม่ใช่เพื่อต้องการเงิน แต่ต้องการปกป้องสิทธิ์ของบริษัทและตัวแทน แต่แม้ขั้นตอนตามกฎหมายสามารถให้ความยุติธรรมได้ แต่การใช้หลักศานาเข้ามาหันหน้าพูดคุยจะดีกว่า ไม่มีผู้แพ้ ทั้ง 2 ฝ่ายชนะ เป็นเพื่อนกัน เป็นมิตรกัน มีจิตใจสงบมากขึ้น’พราวรวี ว่องไวทวีวงศ์ ทนายสาวฝ่ายนาโนแซน กล่าว
วิสูตร ออสันตินุตสกุล หรือบาบอขอแหลงมั่ง รองประธานกอ.พัทลุง กล่าวว่า ผู้ศรัทธานั้น เป็นพี่น้องกัน การปรองดองกัน ก็จะได้รับเราะห์มัตจากอัลเลาะฮ์ และการตักเตือนกันก็ต้องเป็นไปด้วยความเหมาะสม อย่าให้การตักเตือนกลายเป็นการฟิตนะห เพราะการฟิตนะห์ รุนแรงกว่าการฆ่ากัน โดยเฉพาะในยุคสื่อโซเชียล สามารถทำให้คนๆหนึ่งตายไปจากสังคม สามารถทำให้คนๆหนึ่ง ดังทะลุฟ้าได้ ดังนั้น ก่อนจะพูดทำอะไรต้องคิดตริตรอง อย่าใช้อารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ 2 ฝ่าย ไม่ปรึกษาหารือกัน ปรองดองกัน
 |
 |
 |
 |
 |