อาเจะห์เฆี่ยนลงโทษคู่รัก ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดโดยยังไม่แต่งงาน ต่อหน้าสาธารณชน

เดลีเมล์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ทางการอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย ลงโทษชายหญิงคู่รักที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดโดยยังไม่แต่งงาน ด้วยการโบยถึง 17 ครั้ง ฝ่ายหญิงถึงกับล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดทรมาน

ทั้งคู่ถูกผู้ทำหน้าที่เฆี่ยนเป็นตำรวจชารีอะห์หรือรู้จักในชื่อ “อัลโกโจ” ลงโทษต่อหน้าสาธารณชนในเมืองบันดาอาเจะห์ บนเกาะสุมาตรา

ภาพถ่ายเผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกับฝูงชนผ่านไมโครโฟน ขณะที่ผู้ชายหลายคนใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพการลงโทษ

A man (C) is caned by a member of the Sharia police as punishment for being caught in close proximity with a woman in Banda Aceh on November 10, 2021. (Photo by CHAIDEER MAHYUDDIN / AFP)

ผู้ชายและผู้หญิงถูกลงโทษแยกกันในพื้นที่เปิดโล่ง ก่อนที่จะคุกเข่า แล้วยืนขึ้นบนพรมสีแดง

ส่วนผู้ชมนั่งบนที่นั่งที่จัดเรียงเป็นแถวไว้เป็นการเฉพาะเพื่อชมบทลงโทษด้วยการเฆี่ยน

อัลโกโจสวมผ้าคลุมสีน้ำตาลตั้งแต่ศีรษะจนถึงเท้า เว้นรู 2 รูให้มองเห็นและคาดทับด้วยผ้าสีขาวคล้ายหน้ากากโซโร เลือกไม้หวาย 3 อัน ก่อนเริ่มการลงโทษ

A young women (C) is publicly caned by members of the Sharia police as punishment for being caught in close proximity with a man in Banda Aceh on November 10, 2021. (Photo by CHAIDEER MAHYUDDIN / AFP)

ผู้ถูกลงโทษฝ่ายหญิงสวมบูรกาและคลุมหน้าด้วยผ้าสีขาวทรุดฮวบลงกับพื้นเพราะเจ็บปวดหลังรับการลงโทษ จากนั้น ตำรวจหญิงและเจ้าหน้าที่สวมผ้าคลุมศีรษะสีแดงพาเธอออกไป

ส่วนฝ่ายชายสวมหน้ากากอนามัย ยืนตรงและหันหน้ามองไปทางผู้ชม ขณะที่ไม้เรียวหวดลงกลางหลัง

A man (C) is escorted by members of the Sharia police after being caned as punishment for being caught in close proximity with a woman in Banda Aceh on November 10, 2021. (Photo by CHAIDEER MAHYUDDIN / AFP)

จังหวัดอาเจะห์มีการบริหารแบบปกครองตนเองและเป็นเพียงจังหวัดเดียวในอินโดนีเซียบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ซึ่งอิงกับคำสอนที่เคร่งครัดตามคัมภีร์อัลกุรอ่านและลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีเพราะกระทำความผิดต่างๆ รวมถึง การดื่มแอลกอฮอล์ การล่วงประเวณีและการมีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรสหรือรักร่วมเพศ

ปี 2561 อาเจะห์ให้คำมั่นว่าจะยุติการลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีในที่สาธารณะและจะย้ายมาลงโทษหลังกำแพงเรือนจำแทน แต่ในความเป็นจริง กลับมีการเฆี่ยนตีในที่สาธารณะเพิ่มขึ้น

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์