ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันอังคาร, 23 เมษายน 2567

อดีตข่าวกรองลี้ภัยเปิดเบื้องลึกคดี แฉยับเจ้าฟ้าซาอุฯ

แฉยับเจ้าฟ้าซาอุฯ – วันที่ 25 ต.ค. เดอะการ์เดียน รายงานว่า อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองซาอุดีอาระเบียซึ่งลี้ภัยมายังประเทศแคนาดา ให้ข้อมูลโจมตีเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารแห่งราชวงศ์ซาอุฯ ว่ามีพระนิสัยที่โหดเหี้ยมไร้เมตตา

นายซาอัด อัลจาบรี อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของซาอุฯ ผู้ลี้ภัยมายังแคนาดาตั้งแต่ปี 2560 เปิดเผยเรื่องนี้กับรายการ 60 Minutes ทางสถานีโทรทัศน์ CBS ของสหรัฐอเมริกา

นายอัลจาบรี ระบุว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด เคยตรัสไว้ว่า สามารถปลงพระชนม์สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ บิน อับดุล อาซีซ อัล ซาอูด (เสด็จสวรรคตเมื่อ 23 ม.ค. 2558) เพื่อให้สมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน อัล ซาอูด พระราชบิดา (กษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน) ขึ้นครองราชย์เมื่อใดก็ได้

นอกจากนี้ นายอัลจาบรี ยังเปิดเผยอีกด้วยว่าได้รับคำเตือนจากเพื่อนใกล้ชิด ว่าทีมสังหารที่ฆ่าหั่นศพนายจามัล คาช็อกกี นักเขียนอิสระของวอชิงตันโพสต์ที่มักวิจารณ์ราชวงศ์ซาอุฯ อย่างตรงไปตรงมา ภายในอาคารสถานกงสุลซาอุฯ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อปี 2561 ได้รับคำสั่งให้เดินทางต่อมายังแคนาดาเพื่อสังหารตนด้วย

ภาพสุดท้ายนายจามาล คาช็อกกี เดินเข้าสถานกงสุลเข้าไปและถูกสังหาร (CCTV/Hurriyet via AP)

ตกเป็นเป้าต่อจากคาช็อกกี

“เพื่อนผมเตือนว่าอย่าไปอยู่ในละแวกสถานทูต สถานกงสุล และหน่วยงานระหว่างประเทศของซาอุฯ ในแคนาดาเด็ดขาด” เมื่อผมถามเพื่อนว่าทำไม เพื่อนผมบอกว่า “พวกมันหั่นศพเค้าแล้ว มันฆ่าเค้าแล้ว ชื่อแกอยู่ถัดไป”

แม้รายละเอียดของคดีและความพยายามสังหารจะได้รับการเปิดเผยให้ทางการสหรัฐฯ และแคนาดาทราบแล้ว แต่การให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 Minutes ถือเป็นครั้งแรกที่นายอัลจาบรี ออกมาเปิดหน้าต่อสู้

เจ้าฟ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย (การ์เดียน)

นายอัลจาบรี กล่าวว่า บุตรสาวและบุตรชายคนสุดท้องของตนที่อยู่ในซาอุฯ นั้นถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำของซาอุฯ ได้แก่ ซาราห์ และโอมาร์ เป็นความพยายามกดดันของทางการซาอุฯ ที่ต้องการให้เดินทางกลับประเทศ

“ผมจำเป็นต้องออกมาพูดครับ ผมกำลังร้องขอความเมตตาจากทางการสหรัฐ และชาวอเมริกัน ให้ช่วยเหลือผมช่วยลูกๆ ให้ได้รับอิสรภาพและชีวิตของพวกเค้ากลับคืนมาด้วยครับ”

“ผมคิดว่าผมคงต้องถูกฆ่าตายเข้าสักวัน เพราะหมอนี่ไม่มีวันหยุดจนกว่าผมจะตายครับ”

ด้านทางการซาอุฯ ระบุว่า นายอัลจาบรีนั้นเป็นบุคคลที่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตในหน้าที่ และมีประวัติการปลอมแปลงข้อมูล สร้างเรื่องเท็จเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นไปจากการทุจริตเรื่องเงินที่ได้ก่อไว้

รายงานระบุว่า นายอัลจาบรี เป็นพระสหายและที่ปรึกษาคนสนิทของอดีตเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ อดีตมกุฏราชกุมารที่ถูกปลดและจับกุมอยู่ในซาอุฯ โดยหลายฝ่ายมองว่าเป็นศัตรูทางการเมืองของมกุฏราชกุมารองค์ปัจจุบัน

หนีมาได้เพราะสหรัฐช่วย

นายอัลจาบรี เป็นอดีตหน่วยข่าวกรองซึ่งได้รับความเคารพและเป็นที่รู้จักในแวดวงข่าวกรองสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นหนึ่งในบุคคลหลักที่สร้างผลงานช่วยชีวิตชาวอเมริกันและซาอุฯ ไว้หลังเหตุก่อวินาศกรรม 11 กันยาฯ ที่นครนิวยอร์ก

นายไมค์ โมเรลล์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง หรือซีไอเอ ระบุถึงนายอัลจาบรี ว่าเป็นบุคคลที่มีเกียรติ โดยข้อมูลที่ส่งมาให้กับซีไอเอนั้นนำไปสู่การหยุดยั้งการโจมตีและการช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ไว้ได้จำนวนมาก จากเหตุลอบวางระเบิดในเครื่องพิมพ์บนเครื่องบินคาร์โก 2 ลำ เมื่อปี 2553 โดยเครือข่ายก่อการร้ายอัลไคด้า และอื่นๆ ที่เปิดเผยไม่ได้ เพราะเป็นความลับ

ที่ผ่านมา ทางการซาอุฯ ยืนกรานปฏิเสธความพยายามสังหารนายอัลจาบรีในประเทศแคนาดามาตลอด รวมถึงปฏิเสธว่ามกุฏราชกุมารองค์ปัจจุบันมิได้ทรงเกี่ยวข้องกับคดีสังหารนายคาช็อกกี แต่รายงานข่าวกรองของสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปว่า เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงเป็นผู้อนุมัติการสังหาร

นายอัลจาบรี เล่าถึงความพยายามลอบสังหารตน ว่าทีมสังหารจากซาอุฯ มีทั้งหมด 6 คน โดยสารเครื่องบินพาณิชย์มาลงที่ท่าอากาศยานกรุงออตตาวาเมื่อกลางเดือนต.ค. 2561 แต่โกหกฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองว่ารู้จักกัน และนำเครื่องมือตรวจสารพันธุกรรมที่น่าสงสัยมาด้วย

ต่อมาทีมสังหารทั้ง 6 คน ถูกทางการแคนาดาเข้าควบคุมตัวและส่งกลับซาอุฯ ภายในสนามบิน พร้อมแถลงการณ์ของแคนาดาว่า “เราทราบถึงเหตุที่มีบุคคลต่างชาติจะเข้ามาคุกคามชีวิตความปลอดภัยของชาวแคนาดาแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง”

เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยออกมาท่ามกลางความพยายามของทางการซาอุฯ ที่กำลังสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นที่ยอมรับต่อประชาคมโลก รวมถึงการเข้าซื้อสโมสรฟุตบอล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด โดยบริษัทพับลิก อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ ซึ่งมีเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงเป็นประธาน

แฉยับเจ้าฟ้าซาอุฯ ตรัสถึงแหวนพิษ

นายอัลจาบรี ระบุถึงพระนิสัยของเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด ว่าทรงมุทะลุและไม่น่าไว้วางใจ และโจมตีอีกว่า “อำมหิตไร้ความปรานี ไม่มีหัวใจ และไม่เคยเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง”

นอกจากนี้ นายอัลจาบรี อ้างด้วยว่า เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงกลัวว่าตนจะนำข้อมูลความลับที่ทราบเกี่ยวกับพระองค์ไปเปิดเผย โดยเฉพาะเรื่องที่พระองค์รับสั่งกับอดีตมกุฏราชกุมาร บิน นาเยฟ ถึงเรื่องการลอบปลงพระชนม์กษัตริย์พระองค์ก่อน เมื่อปี 2557

“พระองค์พูดกับท่าน (บิน นาเยฟ) ว่าเราอยากจะลอบสังหารคิงอับดุลเลาะห์นะ เดี๋ยวเราไปเอาแหวนพิษมาจากรัสเซีย แค่สวมและไปจับมือท่านหน่อยก็เรียบร้อย” นายอัลจาบรีกล่าว และว่า ตนและหน่วยข่าวเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มาก

นายอัลจาบรี ระบุว่า ตนทราบดีว่าบันทึกการสนทนา 2 ชิ้นนั้นเก็บไว้ที่ใด พร้อมยังอัดคลิปสั่งลาพร้อมเปิดเผยความลับไว้อีกหากตนถูกสังหารด้วย

ทั้งนี้ ทางการซาอุฯ กล่าวหานายอัลจาบรี ว่าทุจริตเงินจากท้องพระคลังหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนายอัลจาบรียืนกรานปฏิเสธ เช่นเดียวกันกับอดีตผอ.ซีไอเอ ที่มองว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะนายอัลจาบรีเป็นบุคคลที่มีเกียรติยศ

“ผมจะไม่แปลกใจเลยครับ ถ้ามันเป็นเรื่องไม่จริง เพราะเค้าเป็นคนมีเกียรติ แต่ผมก็คงไม่แปลกใจอีกแหละถ้าเค้าจะทำครับ เพราะทุกคนก็มีโอกาสทำได้ทั้งนั้น แล้วคิงพระองค์ก่อนท่านก็ให้ทำได้ ท่านทรงพระราชทานอนุญาตน่ะครับ” โมเรลล์ กล่าวทิ้งท้าย

…………

ที่มา: ข่าวสด