
สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งซาอุดีอาระเบียทรงยืนยันกับประธานาธิบดีสหรัฐ ว่ารัฐบาลริยาดให้ความสำคัญกับ “สถานะ” ของปาเลสไตน์ ว่าต้องมาก่อนการคิดสถาปนาความสัมพันธ์กับอิสราเอล
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 7 ก.ย. โดยอ้างจากรายงานสำนักข่าวแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย ( ซาอุดีเพรส ) ว่าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรงมีพระราชดำรัสทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เมื่อวันอาทิตย์ โดยรวมเป็นการหารือในประเด็นทางการเมืองและเศรษฐกิจ ตลอดจนการยกระดับกำหนดมาตรการตอบสนองต่อวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 จากการที่ซาอุดีอาระเบียทำหน้าที่ประธานกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ “จี20” ประจำปีนี้
ขณะเดียวกัน สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรงชื่นชม “ความพยายาม” ของรัฐบาลวอชิงตัน ที่มีต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในภูมิภาค โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงยืนยันจุดยืนของรัฐบาลริยาดที่มีต่อ “แผนริเริ่มสันติภาพอาหรับ” ฉบับปี 2545 มีพื้นฐานคือกลุ่มประเทศอาหรับจะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล บนเงื่อนไขที่ว่ารัฐบาลเทลอาวีฟต้องปฏิบัติตาม “หลักการสองรัฐ” ยอมรับ “สถานะ” ของปาเลสไตน์ และคืน “ดินแดนทั้งหมด” ที่ยึดมาหลังสงครามหกวัน
ท่าทีดังกล่าวของพระองค์ “สอดคล้อง” กับพระราชโอรส คือมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ตรัสกับนายจาเร็ด คุชเนอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสประจำทำเนียบขาว ซึ่งมีศักดิ์เป็นบุตรเขยของทรัมป์ และเข้าเฝ้าฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าซาอุดีอาระเบีย “ให้ความสำคัญมากที่สุด” กับการเสริมสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพให้กับตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้เที่ยวบินพาณิชย์ทั้งเข้าและออกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) สามารถเดินทางผ่านได้ แม้ไม่เอ่ยชื่ออิสราเอล แต่เกิดขึ้นหลังยูเออีกับอิสราเอลประกาศสถานปนาความสัมพันธ์กันเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียไม่อนุญาตให้เที่ยวบินพาณิชย์ใช้น่านฟ้าเพื่อเดินทางเข้าและออกจากอิสราเอล จนกระทั่งอนุญาตให้เครื่องบินของแอร์อินเดียเป็นเจ้าแรก เมื่อปี 2561.
เครดิตภาพ : REUTERS
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " กษัตริย์ซาอุฯไม่รับอิสราเอล จนกว่าจะมีปาเลสไตน์ "