 |
 |
 |
 |
 |
เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนแรกในรอบ 20 ปีที่ไม่ได้เปิดทำเนียบขาวเลี้ยงละศีลอดแก่ชาวมุสลิมในเดือนรอมฎอน ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำต่อเนื่องกันมาทุกปี
รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงละศีลอดแก่ผู้นำชุมชนมุสลิมมาตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งตรงกับสมัยของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และกลายเป็นกิจกรรมที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาจนถึงสมัยจอร์จ ดับเบิลยู. บุช และบารัค โอบามา
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ตัดสินใจละทิ้งธรรมเนียมดังกล่าวในปีนี้ โดยเพียงแต่ออกคำแถลงสั้นๆ ร่วมกับภริยา เมลาเนีย เมื่อวันเสาร์ (24 มิ.ย.) เพื่อ “ส่งความยินดี” ไปยังชาวมุสลิมเนื่องในวันตรุษอีดิ้ลฟิฏรี ซึ่งเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนแห่งการถือศีลอด
“เมลาเนีย และผมขอเป็นตัวแทนชาวอเมริกันส่งความยินดีไปยังชาวมุสลิมที่กำลังเฉลิมฉลองวันตรุษอีดิ้ลฟิฏรี ในเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ มุสลิมทั้งในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่างมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจเพื่อแสดงถึงความศรัทธาและการแบ่งปัน บัดนี้พวกเขาได้เฉลิมฉลองวันอีดร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูง และสานต่อประเพณีการช่วยเหลือเพื่อนบ้าน และแบ่งปันอาหารการกินแก่ผู้คนทุกชนชั้น ในวันตรุษปีนี้เราต่างรำลึกถึงความสำคัญของความเมตตากรุณาและความปรารถนาดีต่อกัน สหรัฐอเมริกาขอยืนยันเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมค่านิยมเหล่านี้ร่วมกับมุสลิมทั่วโลก อีดมุบาร็อก”
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้มีถ้อยแถลงในโอกาสเข้าสู่เดือนรอมฎอนที่เน้นหนักเรื่องภัยก่อการร้าย จนเรียกเสียงประณามอย่างรุนแรงจากชุมชนมุสลิม
“วันหยุดปีนี้เริ่มต้นขึ้นในขณะที่ทั่วโลกต่างไว้อาลัยให้แก่ผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้ายอันป่าเถื่อนในสหราชอาณาจักรและอียิปต์ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมชั่วช้าที่ย้อนแย้งกับสปิริตของเดือนรอมฎอน” คำแถลงจากทำเนียบขาวเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค.ระบุ
“การกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้พวกเรามุ่งมั่นที่จะกวาดล้างผู้ก่อการร้าย และค่านิยมอันเบี่ยงเบนของพวกเขา”
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงละศีลอดที่ทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ปี 2012 (แฟ้มภาพ)
คำพูดของทรัมป์ แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากคำแถลงของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในเดือนรอมฎอนปีที่แล้ว โดยเมื่อเดือน มิ.ย.ปี 2016 โอบามา และภรรยา มิเชล ได้ประกาศจัดงานเลี้ยงละศีลอดที่ทำเนียบขาว และกล่าวยกย่องมุสลิมในอเมริกาว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ชาติบ้านเมือง
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็มีธรรมเนียมเลี้ยงละศีลอดมาตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน ทว่าในปีนี้ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ได้ปฏิเสธคำเชิญของสำนักงานศาสนาและกิจการสากล (Office of Religion and Global Affairs) ที่ขอให้มีการจัดเลี้ยงละศีลอดที่กระทรวง ตามรายงานของซีเอ็นเอ็น
การงดจัดเลี้ยงละศีลอดในปีนี้ทำให้ ทรัมป์ สูญเสียโอกาสที่จะได้ประสานรอยร้าวกับผู้นำชุนชนมุสลิมซึ่งไม่พอใจกับนโยบายและคำพูดของเขาที่แสดงถึงการกีดกันผู้นับถือศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะคำสั่งห้ามพลเมืองจากประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ
อิหม่าม ตอลิบ ชารีฟ ประธานมัสยิดแห่งชาติ (Nation’s Mosque) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ให้สัมภาษณ์กับนิวส์วีกว่า สิ่งที่ ทรัมป์ แสดงออกมานั้น “น่าผิดหวัง” และการงดเลี้ยงละศีลอดก็ “ไม่ใช่การส่งสัญญาณที่ดี”
“คุณมีเวลาว่างไปตีกอล์ฟและทำกิจกรรมต่างๆ นานา แต่ทำไมถึงไม่มีเวลาให้กับพลเมืองกลุ่มหนึ่งในสังคมที่ยังต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล”
ที่มา:MGR Online
 |
 |
 |
 |
 |
