ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันศุกร์, 3 พฤษภาคม 2567

“อินเดีย-ปากีสถาน อาจทำสงครามในเดือนตุลาคม”

หลายคนคงรอติดตามกันอย่างใจจดใจจ่อกันอยู่สิท่าว่าสถานการณ์ในแคชเมียร์ตอนนี้อัพเดทเป็นยังไงบ้างแล้ว บอกเลยว่าแอดก็ยังติดต่อใครในนั้นไม่ได้ อย่าว่าแต่แอดเลย คนอินเดียด้วยกันเองยังติดต่อคนในแคชเมียร์แทบไม่ได้เหมือนกัน

วันนี้ฤกษ์ดี แอดเลยถือโอกาสมาอัพเดทสถานการณ์น่าสนใจในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าความคืบหน้าเรื่องแคชเมียร์ไปถึงไหนแล้วบ้าง โดยเฉพาะวันนี้ศาลสูงสุดของอินเดียอ่านคำพิพากษาเกี่ยวกับประเด็นในแคชเมียร์หลายเรื่อง เลยอยากเอามาแบ่งปันกัน

เริ่มกันอย่างนี้แล้วกัน คือหลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกม.370 และ 35A ของรัฐธรรมนูญไป มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และเน็ต รวมถึงกักขังคนจำนวนมาก คาดว่ามากถึง 4 พันคน ที่สำคัญคือห้ามมีการเดินทางเข้ารัฐนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต

เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ผู้นำฝ่ายค้านและคณะรวมตัวกันเดินทางไปศรีนาการ์เพื่อตรวจดูสถานการณ์ในแคชเมียร์ตามคำเชิญของผู้ว่าการรัฐ (Governor) แต่พอไปถึงกลับโดนกักตัวและส่งกลับเดลีเลย สรุปคือไม่ได้ไปดู โดยที่ผู้ว่าการรัฐบอกว่ากลัวพวกนี้จะเอาไปพูดเป็นประเด็นการเมืองมากกว่าที่จะพูดสถานการณ์จริงในพื้นที่

กลายเป็นว่าขนาดผู้นำฝ่ายค้านยังเข้าพื้นที่ไม่ได้ คนธรรมดาละจะเหลือหรอ เข้าไม่ได้เหมือนกัน ข้อมูลหลายสำนักโดยเฉพาะสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่าในรัฐแคชเมียร์มีการประท้วง มีการปะทะ มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก แต่สำนักข่าวอินเดียกลับแทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย สื่อในแคชเมียร์ถูกปิดกั้นโดยคำสั่งรัฐบาล สื่อในประเทศมีแต่รายงานว่าแคชเมียร์สงบ เอาเป็นว่าไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ แล้วข้างในเป็นอย่างไรกันแน่จนถึงตอนนี้เพราะรัฐบาลปิดทุกช่องทาง (แอบกลัวเบา ๆ)

ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้จึงมีคนอินเดียทั้งที่เป็นคนธรรมดา นักข่าว และนักการเมือง กว่า 14 คน ไปร้องศาลสูงสุด (ในอินเดียบางประเทศสามารถข้ามไปฟ้องที่ศาลสูงสุดได้เลยถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิตามรัฐธรรมนูญ) ซึ่งจะแบ่งเป็น กลุ่มประเด็นการฟ้องคร่าว ๆ ได้ 3 กลุ่มคือ 1. ประเด็นเรื่องสิทธิในการเข้าถึงพื้นที่แคชเมียร์ 2. ประเด็นเรื่องการประกาศยกเลิกม.370และ35A ของรัฐธรรมนูญ และ3. ประเด็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อ

ทั้งนี้ศาลอ่านคำพิพากษาในกรณี 1. โดยระบุชัดเจนว่า “การเดินทางถือเป็นสิทธิของพลเมืองที่จะไปที่ไหนก็ได้ในประเทศอินเดีย รัฐไม่มีสิทธิห้ามพลเมืองในการเดินทาง” นั่นหมายความว่าศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเดินทางเข้าพื้นที่แคชเมียร์ได้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องเป็นไปเพื่อการพบเพื่อน ญาติพี่น้องเท่านั้น ห้ามมีการหารือทางการเมือง และหลังกลับมาต้องเขียนรายงานต่อศาลด้วย

ในส่วนของประเด็นที่ 2 ศาลสูงสุดอินเดียอธิบายว่าเนื่องจากประเด็นนี้ค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนทางด้านการเมืองการปกครองและกฎหมาย ฉะนั้นคณะผู้พิพากษาในการตัดสินจำเป็นต้องใช้เวลามากกว่านี้ จึงขอเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นเดือนตุลาคม โดยจะมีคณะผู้พิพากษา 5 คนของศาลสูงสุดร่วมกันตัดสิน

สพหรับประเด็นสุดท้ายนั้น ศาลได้ส่งคำเตือนไปยังรัฐบาลกลางให้ชี้แจ้งเรื่องการปิดกั้นสื่อและการกักบริเวณประชาชนภายใน 7 วันเพราะนี่ถือเป็นการละเมิดสิทธิพลเมืองตามรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง หลังจากนั้นศาลจะพิจารณาอีกครั้ง

เอาเป็นว่าสุดท้ายแล้วเรื่องการประกาศยกเลิกม.370 และ35A ของรัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่มีคำตัดสินที่ชัดเจน แต่ที่แน่ ๆ การตัดสินรอบนี้ได้เปิดทางให้คนได้เข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในแคชเมียร์ในหลายประเด็นที่ยังคงถูกปิดบังโดยรัฐบาล

นอกจากความเคลื่อนไหวในประเทศอินเดียเกี่ยวกับเรื่องแคชเมียร์จะร้อนระอุแล้ว ความเคลื่อนไหวจากนอกประเทศอย่างปากีสถานก็ร้อนไม่แพ้กัน เพราะล่าสุดปากีสถานประกาศว่ากำลังพิจารณาปิดน่านฟ้าห้ามเครื่องบินสัญชาติอินเดียทั้งหมดบินผ่านน่านฟ้าตัวเอง ที่สำคัญคือไม่อนุญาตให้สินค้าอินเดียเดินทางผ่านพรมแดนตนเองไปยังอัฟกานิสถานด้วย

นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่านประกาศย้ำชัดว่าหมดเวลาแล้วที่จะคุยกับอินเดีย หลังจากที่เขาพยายามมานานแต่อินเดียกลับไม่มีท่าทีตอบสนองต่อการเจรจาใด ๆ เลย

ความพีคของสถานการณ์ความตึงเครียดของทั้งสองประเทศคือการที่รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถานออกมาพูดว่า “ปากีสถานมีความพร้อมอย่างมากในการทำสงคราม” ซึ่งการพูดในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งในช่วงปัญหาความตึงเครียดในช่วงปลายปี 2016 หรือต้นปี 2019 ก็ตาม

ในทำนองเดียวกันรัฐมนตรีบางคนของปากีสถานก็ออกมาพูดเสริมว่า “มีความเป็นไปได้ที่ปากีสถานกับอินเดียอาจต้องทำสงครามใหญ่กันในช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน”

บอกเลยว่าตอนนี้ประเด็นปัญหาแคชเมียร์นอกจากจะสร้างความขัดแย้งภายในประเทศแล้ว ยังอาจกลายเป็นฉนวนสงครามระหว่างอินเดียและปากีสถานอีกด้วย เพราะเมื่อช่วงเช้าวันนี้เองปากีสถานก็ออกรายงานว่าจะมีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่เมืองการาจี ซึ่งอยู่ใกล้พรมแดนอินเดียมาก ๆ

ในขณะที่เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอินเดียก็ออกมาเสนอแนวคิดว่าอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของประเทศจากแต่ก่อนที่มีไว้เพื่อป้องกัน มาเป็นใช้โจมตีก่อนได้ด้วย

งานนี้ถ้าทั้งสองประเทศเปิดฉากทำสงครามแล้วเอาขีปนาวุธนิวเคลียร์มาใช้จริง คงสั่นสะเทือนไม่เฉพาะในภูมิภาคเอเชียใต้ แต่คงสร้างปัญหาให้กับความมั่นคงของทั้งโลกด้วย

แอดได้แต่ภาวนาว่าอย่ารบกันเลย ยอม ๆ กันบ้างเถอะ

#กระแสเอเชียใต้ #อินเดีย #ปากีสถาน #สงคราม #อาวุธ #การทหาร #แคชเมียร์ #ความขัดแย้ง

ที่มา: SouthAsianNews