ขายเว็บนี้ ติดต่อ LINE : 0895172266
วันอาทิตย์, 28 เมษายน 2567

มุสลิมโรฮิงญาไม่ยอมกลับพม่า จนกว่าจะได้หลักประกันเรื่องสัญชาติและความปลอดภัย

คอกซ์บาซาร์/ย่างกุ้ง (เอเอฟพี/รอยเตอร์) – การส่งกลับชาวมุสลิมโรฮีนจาจากศูนย์ผู้อพยพในเมืองคอกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศ ซึ่งมีผู้อพยพชาวโรฮีนจาจากเมียนมาอาศัยอยู่ประมาณ 1 ล้านคน ไม่เป็นไปตามแผน เมื่อผู้อยพที่ได้รับอนุญาตให้หวนคืนถิ่นฐาน ไม่ยอมกลับเมียนมาจนกว่าจะได้หลักประกันเรื่องสัญชาติและความปลอดภัย

เมียนมาอนุญาตให้ผู้อพยพ 3,450 คน จาก 1,056 ครอบครัว หวนคืนสู่ถิ่นฐานในเมียนมาได้ โดยจะเริ่มการส่งกลับในวันนี้ และเริ่มมีการสัมภาษณ์ครอบครัวผู้อพยพที่ได้รับอนุญาตให้หวนคืนถิ่นฐานตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากการสัมภาษณ์ชาวมุสลิมโรฮีนจาอย่างน้อย 221 ครอบครัว พบว่าส่วนใหญ่ยังไม่อยากกลับเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ขณะที่นายกรัฐมนตรีเชค ฮาสินา ของบังกลาเทศ ประกาศว่ารัฐบาลของเธอจะไม่ผลักดันผู้อพยพกลับประเทศ และการส่งกลับจะมีขึ้นเฉพาะผู้ที่ประสงค์จะกลับเท่านั้น

กองทัพเมียนมาเริ่มกวาดล้างชาวมุสลิมโรฮีนจาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2560 เพื่อตอบโต้เหตุโจมตีโดยกองกำลังโรฮีนจา การกวาดล้างดังกล่าวส่งผลให้ชาวโรฮีนจา
กว่า 700,000 คน ต้องอพยพหนีตายจากสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการล้างเผ่าพันธุ์โดยทหารเมียนมา และที่ผ่านมา ชาวมุสลิมโรฮีนจาจำนวนมากปฏิเสธที่จะเดินทางกลับเนื่องจากกลัวความรุนแรงจะเกิดขึ้นอีก

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐบาลเมียนมาแถลงเมื่อวันพุธว่า มีประชาชนมากกว่า 2,000 คน ถูกบังคับให้ต้องทิ้งบ้านเรือนตัวเองอพยพ และมีผู้เสียชีวิต 19 คน ตั้งแต่การสู้รบปะทุขึ้นระหว่างทหารรัฐบาลกับกลุ่มหัวรุนแรงชนกลุ่มน้อยในภาคเหนือของประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยความรุนแรงในภาคเหนือของเมียนมา ถือเป็นอีกหนึ่งความพ่ายแพ้ของนางออง ซาน ซู จี ผู้นำพลเรือน ในการนำสันติสุขกลับคืนสู่พื้นที่ ท่ามกลางปัญหาการโอนอำนาจจากการปกครองของกองทัพมาเป็นพลเรือนเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ชาวบ้านที่ไร้ที่อยู่อาศัยจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด อพยพเข้าไปพักอยู่ในวัดต่างๆ ทั่วเมืองล่าเสี้ยว รัฐฉาน ทางตอนเหนือของประเทศ และต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากหน่วยบรรเทาทุกข์และรัฐบาลสำหรับสิ่งของจำเป็นต่างๆ ในการประทังชีวิต

ในอีกด้านหนึ่ง เฟซบุ๊คเปิดเผยว่า ได้ปิดบัญชีผู้ใช้ในเมียนมาไป 89 บัญชี ปิดเพจไป 107 เพจ และปิดกลุ่มไปอีก 15 กลุ่ม รวมถึงบัญชีผู้ใช้อินสตาแกรมอีก 5 บัญชี ซึ่งบางบัญชีมียอดผู้ติดตามนับแสนคน เนื่องจากมีพฤติกรรมบิดเบือนเนื้อหาไปในทางปลุกปั่นยุยง ทั้งเนื้อหาข่าว รายการบันเทิง รวมถึงโพสต์เกี่ยวกับหัวข้อระดับชาติ และระดับท้องถิ่น ทั้งเรื่องอาชญากรรม ความสัมพันธ์ระหว่างชาติพันธุ์ คนดัง และกองทัพ ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊คก็เพิ่งปิดบัญชีผู้ใช้ในเมียนมาไปนับร้อยบัญชี รวมถึงบัญชีผู้ใช้ของผู้บัญชาการกองทัพไป หลังจากใช้ถ้อยคำสร้างความเกลียดชังเรื่องการใช้ความรุนแรงกับชาวมุสลิมโรฮีนจาในเมียนมา

ที่มา:แนวหน้า