อินโดนีเซียผุดไอเดียใหม่ ใช้เทคโนโลยีในการแจกซอดาเกาะฮ์

จาการ์ต้า – รัฐบาลอินโดนีเซียจะเปลี่ยนแปลงระบบการแจกทานซอดาเกาะฮ์ของมัสยิด จากเดิมที่ใช้อยู่ เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ รวมทั้งจะพัฒนาแพลตฟอร์มขึ้นสำหรับใช้ในการจ่ายซะกาต และวากัฟ เพื่อช่วยบริหารจัดการด้านการเงินของสหกรณ์การเงินอิสลามให้ดีขึ้น และสามารถกระจายเงินไปได้ทั่วถึง

การนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้กับการจ่ายซอดาเกาะฮ์ของมัสยิด จะใช้เทคโนโลยีรหัส QR Code ที่ LinkAja เป็นเจ้าของระบบ โดยระบบใหม่จะเริ่มใช้อย่างเร็วที่สุดในเดือนสิงหาคม ที่จะถึงนี้

นาย Ventje Rahardjo ผู้อำนวยการบริหารของคณะกรรมการการเงินอิสลามแห่งชาติ (KNKS) กล่าวกับสื่อว่า ระบบการชำระเงินแบบใหม่ จะนำมาใช้แทนการหยอดเงินลงกล่องบริจาค

KNKS คาดหวังว่า ระบบ QR Code ของ LinkAja Syariah จะทำให้คนในท้องถิ่นใช้ระบบ e-commerce, โอนเงินผ่านธนาคารทางอินเตอร์เน็ท และทำซอดาเกาะฮ์ / วากัฟ และจ่ายซะกาตตามพันธกรณีทางศาสนาได้สะดวกขึ้น

LinkAja เป็นเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารรัฐ 4 แห่ง คือ ธนาคารมันดีรี, BNI, BRI, และ BTN โดย KNKS ทำงานร่วมกับ LinkAja ในการออกแบบแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้จัดการมัสยิด ซึ่งจะมีอำนาจในการเข้าถึงฐานข้อมูลของมัสยิดเพื่อจัดการเรื่องการบริจาค และการเงินของมัสยิดเอง ระบบใหม่นี้จะใช้ได้กับการบริจาคแม้จะเป็นเงินจำนวนเล็กน้อย ซึ่งปัจจุบันมัสยิดต่าง ๆ ยังคงใช้วิธีการแบบเดิม ซึ่งไม่ได้เป็นการจัดการะบบแบบเก็บฐานข้อมูลไว้

นาย Rahardjo กล่าวว่า คณะกรรมการการเงินแห่งชาติ หรือ KNKS วางแผนที่จะเชื่อมระบบฐานข้อมูลการบริจาค ไปยังแพลตฟอร์มการเก็บซะกาต / วะกัฟ ระบบใหม่ ซึ่งจะเชื่อมต่อกันเพื่อให้สามารถกระจายความมั่งคั่งได้ดีขึ้นทั่วประเทศ ส่วนรัฐบาลจะทำหน้าที่ดูแล และสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลทั้ง 3 ได้สะดวก

ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด้ ทวีตข้อความในวันนี้ ว่า ต่อไปอินโดนีเซียจะมีศักยภาพมากขึ้น ทั้งการเติบโตและการกระจายซะกาตในอินโดนีเซีย เขายังได้อ้างอิงถึงตัวเลขจากองค์กรซะกาตแห่งชาติ หรือ BAZNAS ว่า ในปี 2561 มีการเก็บรวบรวมซะกาตได้ 8.1 ล้านล้านรูเปีย หรือราว 559 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เทียบกันไม่ได้เลยหากมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งจะรวบรวมได้ถึง 232 ล้านล้านรูเปีย หรือราว 16 พันล้านดอลล่าร์

ฐานข้อมูลซะกาต / วะกัฟ ที่วางแผนไว้ จะถูกรวมเข้ากับการจัดการของสหกรณ์การเงินอิสลาม บัยตุ้ลมาล หรือ Baitul Maal wat Tamwill (BMT) ในขณะที่จะมีแผนกย่อย คือ Baitul Tamwil ทำหน้าที่เป็นสถาบันการเงินรายย่อยของอิสลาม ซึ่งในอินโดนีเซียมีอยู่ราว 5,000 แห่ง ถึงตอนนี้ แพลตฟอร์มที่คิดค้นขึ้นใหม่จะเข้าไปช่วยในการจัดการงานด้าน IT ให้กับ BMTs ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งไม่มีความสุ่มเสี่ยงในการลงทุน โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านการเงินของลูกค้า และสิ่งที่จำเป็นอื่น ๆ

อีกหนึ่งจุดมุ่งหมาย คือ ความต้องการที่จะยกระดับชุมชนใกล้มัสยิดที่อยู่ในท้องถิ่นห่างไกล ให้หลุดพ้นจากความยากจน และได้เข้าสู่ระบบธนาคารอิสลามอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ หากทำได้สำเร็จจะหมายถึงการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของธนาคารอิสลามในประเทศ ที่ปัจจุบันยังคงมีน้อยกว่าธนาคารกระแสหลัก

https://www.salaamgateway.com/en/story/indonesia_digitising_islamic_social_finance_payments_for_mosques_and_cooperatives_to_better_manage_distribute_funds-SALAAM17052019051309/

http://www.salaamgateway.com
ที่มา:ทางนำ