
https://www.aljazeera.com/news/2018/11/morocco-king-invites-algeria-frank-direct-dialogue-181107080748154.html
http://www.aljazeera.com
กษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 6 แห่งโมร็อกโก วัย 55 ปี ทรงเปิดเผยถึงความพร้อมในการจัดเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านแอลจีเรีย ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กันมานาน
ในสุนทรพจน์ที่ทรงกล่าว ระบุว่า มีความจำเป็นในการเปิดเจรจาหารือเพื่อก้าวข้ามความต่างระหว่าง 2 ประเทศ โดยทรงเสนอการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อเป็นกลไก ในการให้คำปรึกษาด้านการเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่
พระองค์กล่าวอีกว่า กรุงราบัต ยินดีที่จะพิจารณาความคิดริเริ่มต่างๆ ที่นำเสนอโดยแอลจีเรีย เพื่อทลายทางตันด้านการเมือง และฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น รวมถึงการเปิดพรมแดนระหว่างกัน
พรมแดนระหว่างโมร็อกโก และแอลจีเรีย มีความยาวถึง 1,600 กิโลเมตร และเป็นหนึ่งในพรมแดนที่ยาวที่สุดในโลก ทั้งสองประเทศปิดพรมแดนระหว่างกันในปี พ.ศ. 2537 หลังจากที่โมร็อกโกได้ประกาศใช้ข้อกำหนดให้นักท่องเที่ยวชาวแอลจีเรีย ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศโมร็อกโก หลังจากเกิดเหตุโจมตีที่ร้ายแรงที่โรงแรม Atlas Asni ในเมืองมาราเกช
พระองค์ยังกล่าวอีกว่า กลไกในการปรึกษาหารือร่วมกัน จะช่วยให้ทั้ง 2 ประเทศสามารถวิเคราะห์ประเด็นปัญหาด้วยความสุจริต โดยจะเป็นวาระปลายเปิด ซึ่งไม่ปิดกั้น และไม่มีการตั้งเงื่อนไข หรือข้อยกเว้นล่วงหน้า
สุนทรพจน์ของกษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 6 ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 43 ปี เหตุการณ์ Green March ซึ่งชาวโมร็อกโกนับหมื่นคนพากันเดินรณรงค์ที่ซาฮาร่าตะวันตก เพื่อเรียกร้องการปลดปล่อยจากการยึดครองของสเปน
ในปี พ.ศ.2518 รัฐบาลสเปน สมัครใจยกเลิกการยึดครองพื้นที่ในซาฮาร่า ทำให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดน Polisario Front ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแอลจีเรีย เรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเอง ในขณะที่โมร็อกโกยังคงยึดถือว่าเป็นเขตแดนส่วนหนึ่งของประเทศ
สิ่งนี้เป็นความขัดแย้งใหญ่ระหว่าง 2 ประเทศ โดยทั้งโมร็อกโก และแอลจีเรีย เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มประเทศสหภาพ Arab Maghreb ซึ่งประกอบด้วยอีก 3 ประเทศ คือ มอริตาเนีย ตูนีเซีย และลิเบีย
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " กษัตริย์โมร็อกโก เชิญแอลจีเรียเจรจาอย่างเปิดอก และตรงไปตรงมา "