ศัลยแพทย์ในซูดานใต้คว้ารางวัลจากสหประชาชาติจากงานรักษาผู้อพยพท่ามกลางสงคราม

http://www.arabnews.com/node/1377446/offbeat

http://www.arabnews.com

ไนโรบี – ศัลยแพทย์ชาวซูดานใต้ อีวาน อะตาร์ อะดาฮา วัย 52 ปี ซึ่งใช้เวลาตลอด 20 ปีในการช่วยเหลือผู้ที่เจ็บป่วย และบาดเจ็บในประเทศซูดาน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา ได้รับการประกาศชื่อให้ได้รับรางวัลของสหประชาชาติ ในการทำงานเพื่อดูแลรักษาประชาชนหลายแสนคน ที่ต้องหลบหนีจากความรุนแรงและฆ่าฟันกัน

หมออะตาร์ บริหารโรงพยาบาลซึ่งมีอยู่เพียงแห่งเดียวในเขตเมแบน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ได้รับรางวัล Nansen Refugee Award 2018 จากการทำงานเพื่อมนุษยธรรมโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตอยู่บ่อยครั้งก็ตาม

เขาให้สัมภาษณ์กับมูลนิธิธอมป์สัน รอยเตอร์ ว่า เขาคาดหวังว่า รางวัลนี้จะช่วยดึงดูดความสนใจมาสู่สถานการณ์ผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกาที่มักจะถูกลืมเลือนอยู่เป็นประจำ

ซูดานใต้เป็นประเทศเกิดใหม่ที่ถูกทำลายโดยสงครามกลางเมืองตั้งแต่ปี 2013 หลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างทหารของประธานาธิบดี ซัลวา คีร์ และอดีตรองประธานาธิบดี Riek Machar

แม้รัฐบาลจะเพิ่งลงนามในข้อตกลงสันติภาพกับฝ่ายกบฏ แต่สงครามที่ผ่านมาตลอด 5 ปี ได้ส่งผลกระทบร้ายแรง โดยประชาชนอย่างน้อย 50,000 คน ถูกสังหาร และ 1 ใน 3 ของชาวซูดานใต้ต้องเตลิดหนีออกจากบ้านเรือน รายงานของสหประชาชาติระบุว่า ในซูดานใต้ยังมีผู้อพยพจากซูดานเข้าไปอาศัยอยู่ถึง 300,000 คน

แต่เดิมโรงพยาบาลเมแบน ในเมือง Bunj เป็นคลินิกสาธารณะสุขที่ถูกทิ้งร้างตั้งแต่ปี 2011 เมื่อหมออะตาร์ เข้ามาใช้สถานที่ในตอนแรก ไม่มีแม้แต่สถานที่ที่เหมาะจะทำการผ่าตัด จนเขาต้องนำไม้มากองไว้เพื่อสร้างเป็นส่วนทำงาน หลายปีผ่านไป เขาเปลี่ยนสถานที่เดิมให้เป็นโรงพยาบาล ที่มีแผนกสูติกรรม และศูนย์โภชนาการ รวมทั้งศูนย์ฝึกอบรมเยาวชนให้เป็นพยาบาลและนางผดุงครรภ์

ปัจจุบันเมแบนเป็นโรงพยาบาลขนาด 120 เตียง ที่ให้บริการแก่ประชาชนราว 200,000 คน ที่อาศัยอยู่ในเขตนี้ โดยร้อยละ 70 ของจำนวนนี้เป็นผู้ลี้ภัยจากซูดาน โรงพยาบาลมีเคสผ่าตัดราว 60 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ดำเนินไปภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก

หมออะตาร์ กล่าวว่า เครื่องเอ็กเรย์ ที่มีอยู่เครื่องเดียวก็เสีย ส่วนผ่าตัดมีไฟส่องเหนือเตียงเพียงดวงเดียว โรงพยาบาลใช้ไฟจากเครื่องปั่นไฟที่เสียบ่อยครั้ง

แม้โรงพยาบาลจะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน UNHCR ของสหประชาชาติ แต่การขาดแคลนงบประมาณยังคงเป็นปัญหาใหญ่สุดที่ท้าทายผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทุกคน

อะตาร์ กล่าวว่า โรงพยาบาลรักษาให้กับทุกคนไม่เลือกว่าเป็นฝ่ายกบฏ ทหารรัฐบาล ผู้อพยพ หรือคนในท้องถิ่น ผู้มาใช้บริการมีทั้งหญิงมีครรภ์ เด็กขาดอาหาร และผู้ที่บาดเจ็บจากการถูกยิง แต่โรงพยาบาลมีกฎในการห้ามนำอาวุธเข้ามา และจะปฏิเสธการรักษาพยาบาลหากพบว่ามีการนำอาวุธติดตัวมาด้วย “บางครั้งเป็นเรื่องที่ยากในการปฏิบัติ แต่คนส่วนมากก็เห็นด้วยกับกฎนี้แล้ว”

พิธีมอบรางวัล Nansen Refugee Award จะมีขึ้นที่กรุงเจนีวา ในวันที่ 1 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ โดยรางวัลประกอบด้วยเงินจำนวน 150,000 ดอลล่าร์ สำหรับใช้ในการสนับสนุนโครงการที่น่าชมเชยนี้