
รัฐบาลสหรัฐต้องการให้สงครามในเยเมนมีการหยุดยิงและกลับมาเจรจาสันติภาพ “ภายใน 30 วัน” การปรับท่าทีอย่างน่าสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกรณีการเสียชีวิตของผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบียในตุรกีหรือไม่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ว่าพล.อ.เจมส์ แมตทิส รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบในเยเมนที่ทวีความรุนแรงนับตั้งแต่ซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรแทรกแซงทางทหาร เมื่อเดือนมี.ค. 2558 ว่าเป็นระยะเวลาที่ “นานพอแล้ว” โดยรัฐบาลวอชิงตันเชื่อว่ารัฐบาลริยาดและพันธมิตรหลักในปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้คือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) และคู่กรณีคือกลุ่มกบฏฮูตีนั้น “พร้อมเจรจา” การสู้รบจึงควรยุติได้ “ภายใน 30 วัน” ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่าบรรยากาศในเยเมนตอนนี้เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดในการ “ยุติความรุนแรง”
ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของสหรัฐต่อสงครามกลางเมืองในเยเมนเกิดขึ้นท่ามกลางรายงานว่า กองทัพซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรกำลังเคลื่นย้ายกำลังพลรวมกันประมาณ 30,000 นาย พร้อมสรรพาวุธอีกจำนวนหนึ่ง เข้าใกล้ฝั่งตะวันออกของเมืองโฮไดดาห์ ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญของเยเมนและยังคงอยู่ภายใต้การยึดครองโดยกองกำลังฮูตี ด้านนายมาร์ติน กริฟฟิธส์ ทูตพิเศษด้ากิจการเยเมนของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แสดงความพร้อมจัดการเจรจาสันติภาพครั้งใหม่ในเดือนธ.ค.นี้ หลังกำหนดการหารือครั้งแรกเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ล้มเหลวไม่เป็นท่า
อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ด้วยว่า การปรับจุดยืนของสหรัฐเรื่องเยเมนน่าจะเชื่อมโยงกับกรณีการเสียชีวิตของนายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลริยาด ซึ่งเสียชีวิตภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบีย ในเมืองอิสตันบูล เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยสำนักงานอัยการสูงสุดของตุรกีเผยข้อมูลใหม่เมื่อวันพุธ ว่าคาช็อกกี “ถูกบีบคอ” ทันทีที่เข้าไปภายในอาคาร เมื่อเสียชีวิตแล้วมีการชำแหละศพและทำลายหลักฐานภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งการเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังชีคซาอุด อัล-โมเจบ อัยการสูงสุดของซาอุดีอาระเบีย เดินทางออกจากเมืองอิสตันบูล.
เครดิตภาพ : AFP
ที่มา: เดลินิวส์
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " สหรัฐต้องการให้สงครามเยเมน “สงบภายใน 30 วัน” "