
รอยเตอร์ – คู่หมั้นของ จามาล คาช็อกกี คอลัมนิสต์ชาวซาอุฯ ที่ถูกสังหารโหดภายในสถานกงสุลที่นครอิสตันบูล ออกมาปฏิเสธคำเชิญเยือนทำเนียบขาวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการที่จะตกเป็นเครื่องมือหาเสียง
ในการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ครั้งแรกเมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) เฮทิซ เซนกิซ คู่หมั้นของคาช็อกกี ได้เล่าเหตุการณ์ก่อนที่คอลัมนิสต์คนดังจะพบจุดจบภายในสถานกงสุลที่นครอิสตันบูลเมื่อวันที่ 2 ต.ค. โดยเธอบอกว่า คาช็อกกี ได้ฝากโทรศัพท์มือถือเอาไว้ 2 เครื่อง และสั่งให้เธอรออยู่ด้านนอก
คาช็อกกี ซึ่งเขียนคอลัมน์ให้กับวอชิงตันโพสต์ และเป็นสื่อที่กล้าวิจารณ์เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ได้เข้าไปในสถานกงสุลเพื่อทำเรื่องขอจดทะเบียนสมรสกับ เซนกิซ ซึ่งเป็นชาวตุรกี
หลังจากปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นและแถลงข้อมูลย้อนแย้งกันไปมาหลายครั้ง ในที่สุดรัฐบาลซาอุฯ ก็ยอมรับเมื่อวันพฤหัสบดี (25) ว่าแผนสังหาร คาช็อกกี ถูกเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า
“คุณทรัมป์เชิญฉันไปสหรัฐอเมริกา แต่ฉันคิดว่ามันเป็นแค่คำแถลงเพื่อเรียกคะแนนนิยมมากกว่า” เซนกิซ บอกกับสถานีโทรทัศน์ฮาเบอร์เติร์ก โดยระหว่างที่ให้สัมภาษณ์นั้นเธอได้นิ่งเงียบเป็นระยะๆ และบางครั้งก็ร้องไห้ออกมา
ทรัมป์ กับเจ้าชายโมฮัมเหม็ดมีสายสัมพันธ์ส่วนตัวที่แน่นแฟ้น แม้ผู้นำสหรัฐฯ จะยอมรับว่า องค์มกุฎราชกุมารไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการตายของ คาช็อกกี ได้ก็ตาม
ทรัมป์ ยังวิจารณ์รัฐบาลซาอุฯ ว่าใช้ “แผนปกปิดที่ห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์” เกี่ยวกับเรื่องนี้
เซนกิซ ระบุว่า คาช็อกกี เข้าไปที่สถานกงสุลในนครอิสตันบูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ก.ย. และรู้สึกกังวลว่าการติดต่ออาจไม่ราบรื่น แต่ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่สถานกงสุลซาอุฯ ปฏิบัติต่อเขาอย่างดี ซึ่งทำให้เขารู้สึกมั่นใจ
“ฉันรู้ว่าเขามีคำถามในใจว่าอาจจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นที่สถานกงสุลหรือไม่” เซนกิซ กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาช็อกกี คิดเอาเองว่าตนคงจะไม่ถูกจับกุมหรือทำร้ายขณะที่อยู่ในตุรกี
“เขารู้จักคนกว้างขวางในตุรกี รวมถึงมีเครือข่ายทางการเมืองด้วย” เซนกิซ กล่าว “เขาเชื่อว่าตุรกีเป็นประเทศที่ปลอดภัย และหากเขาถูกจับหรือสอบปากคำ ก็คงมีวิธีไกล่เกลี่ยได้อย่างรวดเร็ว”
ประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกีเรียกร้องวานนี้ (26/10/61) ให้รัฐบาลซาอุฯ เปิดเผยว่าใครเป็นผู้บงการฆ่า คาช็อกกี รวมถึงสถานที่ทิ้งศพด้วย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้ริยาดต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ทรัมป์หน้าชา! คู่หมั้น ‘คาช็อกกี’ ปัดเยือนทำเนียบขาว-ชี้ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือหาเสียง "