
รอยเตอร์ – มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมานแห่งซาอุดีอาระเบียตรัสในวันพุธ(24ต.ค.) ว่าคดีของคามาล คาช็อกกี คือความเจ็บปวดและความยุติธรรมจะเป็นฝ่ายชนะ ตามหลังการเสียชีวิตของนักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุดีอาระเบียรายนี้ภายในสถานกงสุลประจำอิสตันบูล ระบุพวกมือสังหารจะถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ระหว่างปรากฏพระองค์ในการสนทนาเป็นคณะ(Panel Discussion) ณ เวทีประชุมสัมมนาด้านการลงทุนนานาชาติในกรุงริยาด มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน ตรัสว่าพวกผู้กระทำผิดทุกคนจะถูกลงโทษ พร้อมระบุว่าซาอุดีอาระเบียกับตุรกีจะทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ่นคือความเจ็บปวดยิ่งสำหรับชาวซาอุดีอาระเบียทุกคน เหตุการณ์นี้ไม่อาจแก้ตัวได้ ท้ายที่สุดแล้วความยุติธรรมจะปรากฏ” มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมานตรัส
พระองค์ทรงบรรยาภาพความร่วมมือระหว่างริยาดกับอังการาว่าเป็นความร่วมมือที่พิเศษ แม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดจากประธานาธิบดีเรเซป ตัยยิป แอร์โดอัน และผู้ช่วยของเขา
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นที่หนักแน่นสุดเท่าที่เคยพูดมา โดยบอกกับวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่าท้ายที่สุดแล้วมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน ต้องแบกรับความผิดชอบต่อปฏิบัติการที่นำไปสู่เหตุสังหาร จามาล คาช็อกกี คอลัมนิสต์คนดังในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำอิสตันบูล
ทรัมป์บอกว่าเขาก็อยากจะเชื่อคำแก้ต่างของเจ้าชายที่ทรงบอกว่าเจ้าหน้าที่ระดับล่างควรถูกกล่าวโทษต่อเหตุสังหารนักหนังสือพิมพ์รายนี้ แต่เขาบ่งชี้ว่าผู้ที่ต้องรับผิดชอบควรเป็นบุคคลในระดับสูง “เจ้าชายควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างที่นั่น ดังนั้นหากเป็นใครสักคน มันคงจะเป็นพระองค์”
ความคิดเห็นของทรัมป์นับเป็นการถาโถมแรงกดดันเข้าใส่พันธมิตรผู้ใกล้ชิดของเขา ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญของโลกต่อการเสียชีวิตของคาช็อกกี และมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด จะไปปรากฎตัวที่เวทีประชุมสัมมนาด้านการลงทุนหนึ่งในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งพระองค์ได้แสดงความคิดเห็นสำคัญที่สุดนับตั้งแต่การเสียชีวิตของคอลัมนิสต์วอชิงตันโพสต์เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม
เหล่านักธุรกิจชั้นนำและบุคคลมีชื่อเสียงทางการเมืองหลายคนถอนตัวจากเวทีประชุมดังกล่าว ต่อกรณีการเสียชีวิตของนักหนังสือพิมพ์ผู้ที่มักวิพากษ์วิจารณ์มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด ผู้ปกครองโดยพฤตินัยของซาอุดีอาระเบีย โดยที่ปรึกษาคนหนึ่งของประธานาธิบดีกล่าวหามกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดว่า “มือเปื้อนเลือด” อันเป็นคำพูดที่รุนแรงที่สุดที่มาจากปากคนใกล้ชิดของเรเซป ตัยยิป แอร์โดอัน
เจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียยังไม่ตอบโต้ความคิดเห็นของทรัมปหรือที่ปรึกษาของแอร์โดอัน แต่มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด ทรงวาดภาพความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับตุรกีที่ต่างออกไป “ตอนนี้มีพวกที่พยายามฉวยความได้เปรียบจากสถานการณ์อันน่าเจ็บปวด ก่อความแตกแยกระหว่างประเทศของเรากับตุรกี”
“ข้าพเจ้าขอส่งสารถึงพวกเขาว่าพวกเขาคงทำแบบนั้นได้ ตราบใดที่กษัตริย์ซาลมานอยู่ที่นี่ และมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน อยู่ในซาอุดีอาระเบีย เช่นเดียวกับผู้นำตุรกี ที่มีนามว่าแอร์โดอัน ความแตกแยกนี้จะไม่เกิดขึ้น”
ก่อนหน้านี้ริยาดกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของพวกมือปฏิบัติการ “แหกคอก” และบอกว่าเจ้าชายทรงไม่รู้เห็นเกี่ยวกับการตายของคาช็อกกี ซึ่งกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลกและคุกคามความสัมพันธ์ระหว่างริยาดกับวอชิงตัน เช่นเดียวกับประเทศตะวันตกอื่นๆ
สำหรับเหล่าพันธมิตรต่างๆของซาอุดีอาระเบียแล้ว คำถามก็คือพวกเขาเชื่อหรือไม่ว่ามกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด ซึ่งวาดภาพพระองค์เองในฐานะนักปฏิรูป มีส่วนร่วมกระทำผิดในเหตุฆาตกรรมครั้งนี้หรือไม่ อันเป็นข้อสันนิษฐานที่ส.ส.สหรัฐฯหลายคนหยืบยกขึ้นมา
ซาอุดีอาระเบียให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการตายของคาช็อกกี โดยทีแรกปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เสียชีวิต ก่อนต่อมาได้ยอมรับ คาช็อกกี ซึ่งเป็นผู้อยู่อาศัยในสหรัฐฯ เสียชีวิตภายในสถานกงสุล หลังมีเหตุต่อสู้กัน
เมื่อวันอาทิตย์(21ต.ค.) ริยาดเรียกเหตุเสียชีวิตของคาช็อกกีว่าเป็น “ความผิดพลาดใหญ่หลวง” แต่พยายามป้องมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน จากวิกฤตที่บานปลายขึ้นเรื่อยๆ โดยบอกว่าพระองค์ไม่มีส่วนรู้เห็น
ที่มา:ผู้จัดการออนไลน์
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " เจ้าชายซาอุฯเชื่อความยุติธรรมจะปรากฏในคดี’คาช็อกกี’ กร้าวเอาตัวคนผิดมาลงโทษ "