ทรัมป์โบ้ย’นักฆ่าแหกคอก’เบื้องหลังนักข่าวซาอุฯหาย ส่ง’พอมเพโอ’เข้าเฝ้าฯกษัตริย์ซัลมาน

รอยเตอร์ – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันจันทร์(15ต.ค.) ส่ง ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไปเข้าเฝ้าฯกษัตริย์ซัลมานของซาอุดีอาระเบีย ต่อกรณี จามัล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวคนดังของซาอุดีอาระเบียหายตัวไป และบ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ “พวกนักฆ่าแหกคอก” อาจอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้

“เพิ่งคุยกับกษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบีย ท่านตรัสว่าไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับพลเมืองซาอุดีอาระเบียของพระองค์” ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์ พร้อมเผยจะส่ง ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ซัลมานในทันที

เมื่อวันเสาร์ (13) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวข่มขู่ซาอุดีอาระเบียที่เป็นพันธมิตรของอเมริกาว่า จะ “ถูกลงโทษอย่างหนัก” ถ้าหาก คาช็อกกี ซึ่งเป็นผู้ที่คอยวิพากษ์วิจารณ์มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ถูกฆ่าตายภายในสถานกงสุลของซาอุดีฯประจำนครอิสตันบูล ตามที่มีการกล่าวหากัน

อย่างไรก็ตามในวันจันทร์(15ต.ค.) ทรัมป์ บอกว่า “พวกนักฆ่าแหกคอก” อาจเป็นต้นตอในการหายตัวไปของ คาช็อกกี และย้ำว่ากษัตริย์ซัลมานทรงปฏิเสธความเกี่ยวข้องอย่างหนักแน่น “พระองค์ทรงปฏิเสธหนักแน่นมากๆ” ประธานาธิบดีสหรัฐฯให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว หลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับกษัตริย์ซัลมาน “สำหรับผม มันดูเหมือนว่านี่อาจเป็นฝีมือของพวกนักฆ่าแหกคอก ใครจะรู้ล่ะ?”

“สิ่งที่ผมทำได้คือให้ข่าวเกี่ยวกับคำตรัสของพระองค์ ซึ่งพระองค์ตรัสกับผมอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาไม่รู้เรื่อง และทรงตรัสอย่างหนักแน่น” ทรัมป์ระบุ

แม้ทรัมป์เคยขู่ลงโทษอย่างรุนแรงหากมีข้อพิสูจน์ปรากฏขึ้นมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างที่ว่าพวกสายลับซาอุดีอาระเบียเป็นคนสังหารคาช็อกกีและทำลายศพของเขา อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯย้ำว่าเขาจะไม่ทำให้ข้อตกลงขายอาวุธแก่ซาอุดีอาระเบียหลายฉบับมูลหลายค่าพันล้านดอลลาร์ตกอยู่ในความเสี่ยง ในขณะที่ริยาดเองคือพันธมิตรทางยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกาในตะวันออกกลาง

ทั้งนี้หลังจากตึงเครียดมานานหลายวัน เจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียยอมให้คณะสืบสวนของตุรกีเข้าไปยังสถานกุงวลในวันจันทร์(15ต.ค.) โดยแหล่งข่าวด้านการทูตของตุรกีรายหนึ่งคาดหมายว่าปฏิบัติการตรวจค้นร่วมระหว่างคณะสืบสวนตุรกีกับเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบีย จะมีขึ้นในช่วงค่ำๆ

การหายตัวไปของคอลัมนิสต์ฝีปากกล้าของวอชิงตันโพสต์รายนี้เสี่ยงที่จะทำลายภาพลักษณ์ของซาอุดีอาระเบีย และกระทบความสัมพันธ์กับโลกตะวันตก ในขณะที่ซาอุฯ กำลังเดินหน้าปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารผู้ทรงอิทธิพล

คาช็อกกี วัย 59 ปี เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงมานาน และเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลซาอุฯ ก่อนจะลี้ภัยการเมืองไปอยู่สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนกันยาบย ปีที่แล้ว หลังจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด วัย 33 พรรษา ทรงก้าวขึ้นมามีอำนาจ

นักข่าวอาวุโสรายนี้มักจะเขียนบทความวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลซาอุฯ อย่างเผ็ดร้อน รวมถึงตำหนิเจ้าชายโมฮัมเหม็ดที่ทรงเป็นตัวตั้งตัวตีนำชาติพันธมิตรอาหรับสู้รบกับกบฏฮูตีนิกายชีอะห์ในเยเมน จนเป็นเหตุให้พลเรือนล้มตายหลายพันคน

คาช็อกกี เดินทางไปที่สถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูลเพื่อทำเรื่องขอจดทะเบียนสมรสกับคู่หมั้นชาวตุรกีเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

สื่อมวลชนตุรกีรายงานอ้างว่ารัฐบาลตุรกีได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ทราบว่าพวกเขามีทั้งเทปเสียงและคลิปวิดีโอที่ยืนยันได้ว่า คาช็อกกี “ถูกสอบปากคำ ทรมาน และฆ่าทิ้ง” ภายในสถานกงสุลซาอุฯ ก่อนที่ศพของเขาจะถูกหั่นทำลาย อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ผู้นำตุรกียังอดกลั้นที่จะชี้เป้ากล่าวโทษริยาดตรงๆ

ที่มา:ผู้จัดการออนไลน์