
เอพี – หนังสือพิมพ์ตุรกีที่สนับสนุนรัฐบาล รายงานว่า ทางการตุรกีมีเทปเสียงการสังหารนักข่าว จามาล คาช็อกกี จากแอปเปิลวอตช์ที่คอลัมนิสต์ซาอุฯ ผู้นี้สวมขณะเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ ในเมืองอิสตันบูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังไม่ล้มแผนขายอาวุธให้ริยาดห์ แม้กังวลกับชะตากรรมคาช็อกกี
รายงานข่าวดังกล่าวที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ซาบาห์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 ต.ค.) ซึ่งดูเหมือนว่า เป็นข้อมูลลับที่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองตุรกีจงใจปล่อยนั้น เพิ่มความกดดันให้ริยาดห์อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับคาช็อกกีที่เขียนคอลัมน์วิจารณ์ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมานของซาอุฯ แบบไม่ไว้หน้ามาตลอด
ซาบาห์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตุรกีได้ข้อมูลเสียงจากไอโฟนและบัญชีไอคลาวด์ของคาช็อกกี ซึ่งให้โทรศัพท์มือถือของตนกับคู่หมั้นก่อนเดินเข้าสู่สถานกงสุลซาอุฯ เพื่อขอเอกสารสำหรับการแต่งงานเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา
สื่อตุรกียังกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ซาอุฯ พยายามลบบันทึกเสียงดังกล่าวด้วยการเดารหัส PIN บนนาฬิกาแอปเปิลวอตช์ที่คาช็อกกีสวม ก่อนใช้ลายนิ้วมือของคอลัมนิสต์ผู้นี้ ทว่าแอปเปิลวอตช์ไม่มีฟังก์ชันปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือเหมือนไอโฟน
แอปเปิลวอตช์สามารถบันทึกเสียงและซิงก์กับไอโฟนผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธหากอุปกรณ์ทั้งสองเครื่องอยู่ใกล้กัน ซาบาห์ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า แอปเปิลวอตช์ซิงก์ข้อมูลดังกล่าวกับไอโฟนและบัญชีไอคลาวด์ของคาช็อกกีอย่างไร ขณะที่เจ้าหน้าที่ตุรกีไม่ยอมตอบคำถามจากสำนักข่าวเอพีเกี่ยวกับแอปเปิลวอตช์ของคาช็อกกี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตุรกีเชื่อว่า สมาชิกทีมสังหารของซาอุฯ 15 คน ฆ่าคาช็อกกีในสถานกงสุล พร้อมอ้างว่า มีคลิปสังหารแต่ไม่ได้อธิบายว่าได้มาอย่างไร ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่า อังการาเลือกปล่อยข่าวผ่านหนังสือพิมพ์ที่สนับสนุนรัฐบาลเพราะต้องการปกปิดแหล่งข่าว
ถึงกระนั้น แคร์รี คอร์เดโร นักวิชาการอาวุโสของศูนย์เพื่อความมั่นคงใหม่ของอเมริกาในวอชิงตันที่เคยทำงานข่าวกรองให้รัฐบาลสหรัฐฯ เขียนบทความเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ว่า รัฐบาลตุรกีอาจจำเป็นต้องเปิดเผยแหล่งข่าว หากริยาดห์ยังคงปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของคาช็อกกี แม้ตุรกีมีหลักฐานยืนยันก็ตาม
นอกจากรัฐบาลซาอุฯ จะยืนกรานมาตลอดว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว โดยไม่ได้อธิบายหรือแสดงหลักฐานยืนยันว่า คาช็อกกีออกจากสถานกงสุลและหายตัวไปได้อย่างไร ทั้งที่คู่หมั้นรออยู่ด้านนอก ล่าสุดสถานีข่าวผ่านดาวเทียมของซาอุฯ ยังระบุว่า ชายทั้ง 15 ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นทีมสังหารแท้จริงแล้วคือ “นักท่องเที่ยว” โดยไม่ได้ให้หลักฐานยืนยันเช่นเดียวกัน
เมื่อเช้าวันเสาร์ สำนักข่าวซาอุดีเพรสของทางการริยาดห์ยังเผยแพร่แถลงการณ์จากเจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน ซาอุด รัฐมนตรีมหาดไทย ปฏิเสธความเกี่ยวข้องของซาอุฯ แต่ยอมรับครั้งแรกว่า ซาอุฯ ถูกกล่าวหาว่าสังหารคาช็อกกี
ทางด้าน โอเมอร์ เซลิก โฆษกของพรรคจัสติส แอนด์ ดิเวลอปเมนต์ของประธานาธิบดี เรเจป ตายยิป แอร์โดอัน ของตุรกี กล่าวว่า อังการาจะสอบสวนกรณีการหายตัวของคาช็อกกีอย่างเต็มที่และนำตัวคนผิดมาลงโทษ
วันเดียวกันนั้น เมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี เรียกร้องซ้ำให้ซาอุฯ ให้ความร่วมมือในการสอบสวนและเปิดสถานกงสุลที่คาช็อกกีหายตัวไป ให้ทางการตุรกีตรวจค้น
การหายตัวไปของคอลัมนิสต์ผู้นี้ยังเพิ่มความกดดันต่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับริยาดห์ นับแต่รับตำแหน่งเมื่อสองปีที่แล้ว
เมื่อวันเสาร์ ประมุขทำเนียบขาวแสดงความกังวลต่อชะตากรรมของคาช็อกกี รวมถึงการที่ยังไม่มีคำตอบเรื่องนี้จากริยาดห์ และบอกว่า อาจคุยกับซาอุฯ ในวันเดียวกันนั้นหรือวันอาทิตย์ (14 ต.ค.) อย่างไรก็ตาม ทรัมป์สำทับว่า การยกเลิกแผนการขายอาวุธให้ซาอุฯ จะเท่ากับอเมริกากำลังลงโทษตัวเอง เพราะริยาดห์อาจหันไปซื้ออาวุธจากรัสเซียหรือจีนแทน
ทรัมป์ยังบอกอีกว่า จะพบกับครอบครัวของคาช็อกกี ขณะเดียวกัน ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับ ฮาทิซ เซนกิซ คู่หมั้นของคาช็อกกี แต่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ (12 ต.ค.) เซนกิซให้สัมภาษณ์เอพีว่า คาช็อกกีไม่ได้กังวลใดๆ ตอนที่เข้าไปในสถานกงสุล วันต่อมา เซนกิซทวิตชวนเพื่อนสนิททุกคนของคาช็อกกีไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อฉลองวันคล้ายวันเกิดให้คอลัมนิสต์ผู้นี้ และติดแฮชแท็กว่า “จามาลอยู่ที่ไหน” และ “ความฝันของฉันถูกทำลายย่อยยับ”
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำธุรกิจทั่วโลกกำลังประเมินความสัมพันธ์กับซาอุฯ เพื่อกดดันให้ประเทศแห่งนี้อธิบายว่า เกิดอะไรขึ้นกับคาช็อกกี
ที่มา:ผู้จัดการออนไลน์
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " อ้างมีคลิปเสียงฆ่านักข่าวในสถานกงสุลซาอุฯ สื่อตุรกีเผยแอปเปิลวอตช์บันทึกขึ้นไอคลาวด์ "