ภาพนักรักบี้ บิล วิลเลียมส์ ทำอุมเราะฮ์หลังรับอิสลาม

สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์  :   ภาพล่าสุด นักรักบี้ บิล วิลเลียมส์ ทำอุมเราะฮ์หลังรับอิสลาม

ในปีที่ผ่านมา มีการเขียนบล็อก 2 ครั้ง เกี่ยวกับ ซันนี่ บิล วิลเลียมส์ นักรักบี้ชาวนิว ซีแลนด์ ซึ่งอาจจะเป็นมุสลิมคนแรกที่เป็นนักรักบี้มืออาชีพ และถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เป็นนักรักบี้อาชีพที่เป็นมุสลิมเพียงคนเดียว แต่ก็คงมีมุสลิมที่เล่นกีฬาประเภทนี้อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น  

ซันนี่ บิล เป็นดาราทีมรักบี้ผิวสี (All Blacks) แห่งชาติของนิว ซีแลนด์ และเป็นสมาชิกทีมสโมสรรักบี้ Auckland Blues ซึ่งตลอดสิบปีที่ผ่านมา หรือกว่านั้น เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการกีฬารักบี้ ถึงแม้เขาจะสร้างเรื่องขัดแย้งที่เกี่ยวกับการตัดสินใจเล่นกีฬาชนิดนี้ก็ตาม

(อ่านเพิ่มเติม:   นักรักบี้มุสลิมนิวซีแลนด์ มอบเหรียญรางวัลปลอบใจเด็ก หลังถูกล๊อคตัวจากเจ้าหน้าที่ )

ไม่ว่าใครจะมีความเห็นเกี่ยวกับการแสดงตัวในสนามของเขาอย่างไรก็ตาม แต่มีน้อยคนนักที่จะกล้าไม่ยอมรับเขาสำหรับการเล่นกีฬาชนิดนี้ นี่คือสาเหตุที่ว่า ทำไมเราจึงรักในความจริงที่เขาแสดงออก และภาคภูมิใจในความศรัทธาของเขาที่แสดงออกทางสื่อสังคมอย่างที่มันเป็น นั่นคือความสวยงามสำหรับผู้คนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับศาสนาอิสลาม

เมื่อเร็วๆ นี้ ซันนี่ บิล เปิดเผยภาพขณะเขาไปทำอุมเราะฮ์ผ่านทางอินสตาแกรม และนี่คือภาพเหล่านั้น

ในขณะที่ภาพทั้งหมดได้รับเสียงชื่นชม และพึงพอใจอย่างมากจากทุกคน แต่ยังมีบางคนที่พูดไม่ดีเกี่ยวกับภาพที่เขาครองเอี๊ยะฮฺรอม ซึ่งเผยให้เห็นรอยสักบริเวณแขนขวา ซึ่งนักรักบี้ในทีมนิวซีแลนด์นิยมสักกัน โดยเฉพาะส่วนมากเป็นผู้ที่มีเชื้อสายโพลิเนเซียนเผ่า Samoan ซึ่งเป็นการให้เกียรติมรดกของชนเผ่า

จากการที่หลายคนมีความเชื่อว่า อิสลามห้ามการสัก เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อัลลอฮ์สร้าง จึงมีการวิพากษ์วิจารณ์ และประณามการสักของเขา อย่างไรก็ตาม เสียงวิจารณ์ในทางไม่ดีเลือนหายไป หลังจากที่มีผู้อธิบายว่า รอยสักนี้ได้มาก่อนที่เขาจะเข้ารับอิสลาม และหลายคนเถียงแทนเขาว่า ควรให้ความเคารพในการแสวงหาศรัทธาในอิสลามโดยการมาทำอุมเราะฮ์ แม้จะไม่เห็นด้วยกับการสักของเขาก็ตาม

สุดท้ายแล้ว การสักไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่า คือ การได้เห็นนักกีฬารักบี้คนสำคัญ พยายามเข้าใกล้ชิดอัลลอฮ์ด้วยความถ่อมตัว ซึ่งดูจะเป็นการเลือกเดินทางในเส้นทางที่สวยงามมากกว่าด้วย

สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
ที่มา:  www.ummahsonic.com