เริ่มสร้างแล้ว มัสยิดใหญ่แห่งใหม่ในเขตผู้อพยพของสวีเดน

https://sputniknews.com/europe/201806071065179021-sweden-giant-mosque/

http://www.sputniknews.com

ทางการสวีเดนกำหนดพื้นที่ก่อสร้างมัสยิดใหญ่แห่งใหม่ในเขตที่มีผู้อพยพอาศัยอยู่จำนวนมาก ในกรุงสต็อกโฮล์ม โดยพื้นที่ขนาด 5,000 ตารางเมตรนี้ มีรายงานว่า เป็นพื้นที่เปราะบาง ที่มักจะมีการก่ออาชญากรรม และเป็นแหล่งเสื่อมโทรมของเมือง มัสยิดแห่งนี้จะมีโดม 18 โดม และคำนวณค่าก่อสร้างประมาณ 11.5 ล้านดอลล่าร์

บริษัทก่อสร้าง NCC และมูลนิธิรับเงินบริจาค Rinkeby กำลังทำงานร่วมกันในการก่อสร้างมัสยิดใหญ่แห่งใหม่ ในเขต Rinkeby ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงสต็อกโฮล์ม

ตามงานออกแบบที่เสนอโดยสถาปนิก โยฮัน เซลซิง มัสยิด 18 โดมแห่งนี้ จะประกอบด้วยห้องละหมาดหลายห้อง ห้องเรียน ร้านกาแฟ และสถานออกกำลังกาย มัสยิดแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้สถานีตำรวจแห่งใหม่ ซึ่งก่อสร้างเมื่อเร็วๆ นี้ โดยบริษัทเดียวกับมัสยิดด้วย

อิบรอฮีม บูรอเละฮ์ จากมูลนิธิมุสลิม กล่าวว่า ชาวบ้านแถบนี้ต้องการให้มีการสร้างมัสยิดมานาน และไม่มีสักคนที่จะบ่น หรือไม่พอใจในการสร้างมัสยิดนี้ ทุกคนมีแต่ความยินดี และเต็มใจที่จะช่วยเหลือกัน

ถึงแม้จะได้รับอนุมัติการก่อสร้างอาคารมัสยิดมานานหลายปี แต่ยังบริจาคยังคงมีเพียงประมาณ 340,000 เท่านั้น อิบรอฮีมกล่าวว่า เป็นเวลาร่วม 8 ปี แล้ว ที่มีการขอรับบริจาคกันตลอดมา ถึงแม้จะยังขาดเงินค่าก่อสร้างจำนวนมาก แต่ก็มีการเริ่มสร้างตามแผนงานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการใช้เงินของสวีเดน ซึ่งเดิมทีเดียวประเทศมุสลิมต่างๆ เช่น ซาอุดิอาระเบีย รับจะบริจาคเงินในการก่อสร้าง แต่ทางการสวีเดนเกรงว่าจะเกิดการเพาะแนวคิดสุดโต่ง จึงจำต้องออกเงินค่าก่อสร้างให้ ซึ่งก็เป็นการปิดฉากที่สวยงาม

อย่างไรก็ตาม บริษัทก่อสร้าง NCC มีทัศนคติที่ดีในการทำโครงการนี้ และเนื่องจากบริษัท มีประสบการณ์ในการก่อสร้างในเขต Rinkeby แล้ว เช่น อาคารสถานีตำรวจ และจะเป็นการสร้างความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่โดยรวม และการสร้างมัสยิดก็จะเป็นการสร้างเทคโนโลยีที่ดีมากอย่างหนึ่ง

พื้นที่ Rinkeby เป็นส่วนหนึ่งของ Greater Stockholm ที่มีประชากรอาศัยอยู่ราว 15,000 คน โดยส่วนมากเป็นผู้อพยพ และทายาท กว่าร้อยละ 90 ของประชากรที่นี่ เป็นผู้ที่มีภูมิหลังมาจากประเทศอื่น โดยเป็นผู้ที่มีเชื้อสายแอฟริกันเกือบครึ่งหนึ่ง ในจำนวนนี้เป็นชาวโซมาลีจำนวนมากที่สุด จึงมีการเรียกชื่อพื้นที่นี้ว่า “ลิตเติ้ล โมกาดิชชู”