ฟิลิปปินส์ประท้วงคูเวตกรณีไล่เอกอัครราชทูต

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ว่านายอลัน ปีเตอร์ คาเยตาโน รมว.กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี ว่ารัฐบาลมะนิลาตัดสินใจระงับการเจรจาความร่วมมือด้านแรงงานกับรัฐบาลคูเวต จนกว่าอีกฝ่ายจะสามารถชี้แจงได้อย่างสมเหตุสมผล ต่อการมีคำสั่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เนรเทศนายเรนาโต เปโดร วิลญา เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงคูเวตซิตี ให้เดินทางออกจากราชอาณาจักรภายใน 7 วัน

นายเรนาโต เปโดร วิลญา เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำคูเวต
 
ขณะเดียวกัน คาเยตาโนเผยด้วยว่า กระทรวงการต่างประทเศในกรุงมะนิลาได้เชิญนายมูซาอิด ซาเลห์ อาหมัด อัลธไวกาห์ เอกอัครราชทูตคูเวตให้เข้าพบด้วย เพื่อหารือเกี่ยวกับการเนรเทศเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ และการที่รัฐบาลคูเวตยังคงควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ 4 คนของสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์เอาไว้ และออกหมายจับเจ้าหน้าที่การทูตของรัฐบาลมะนิลาอีก 3 คนด้วย แต่กลับพบว่าอัลธไวกาห์ได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว
 

Gov't seeks explanation on envoy's expulsion in Kuwait | https://t.co/Bq5FoTgUK0 pic.twitter.com/nBH9YjNbNp

— CNN Philippines (@cnnphilippines) April 26, 2018

Cayetano points out 'inconsistencies' in Kuwait action | https://t.co/Bq5FoTgUK0 pic.twitter.com/CguztdmPLi

— CNN Philippines (@cnnphilippines) April 26, 2018

ปัจจุบันฟิลิปปินส์มีแรงงานอยู่ในคูเวตประมาณ 260,000 คน โดยมากกว่า 65% ประกอบอาชีพแม่บ้าน อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างทั้งสองประเทศกลับกลายเป็นชนวนเหตุของความขัดแย้งครั้งใหญ่ เมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ เมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่ศาลในกรุงคูเวตซิตีมีคำพิพากษาลับหลังจำเลยเมื่อต้นเดือนนี้ ให้จำเลยซึ่งเป็นชายชาวเลบานอนและภรรยาชาวซีเรีย รับโทษประหารชีวิต และประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต สั่งระงับการเดินทางไปใช้แรงงานในคูเวตของชาวฟิลิปปินส์ทันที
 
กระนั้นต่อมาไม่นานมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์บุกช่วยแม่บ้านสาวคนหนึ่งออกจากบ้านหลังหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ หลังได้รับแจ้งว่าเธอถูกนายจ้างทารุณกรรม ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศคูเวตวิจารณ์อย่างหนัก ว่ารัฐบาลมะนิลาละเมิดระเบียบปฏิบัติทางการทูต ด้านสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า ที่ต้องจัดการเองเป็นเพราะรัฐบาลคูเวตเพิกเฉยต่อการร้องเรียน แต่ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าภายในอีกไม่กี่วันต่อมา กระทรวงการต่างประเทศคูเวตประกาศให้เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์มีสถานะเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา.