
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ว่านายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าวทาสส์ นอกรอบการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ( เอสซีโอ ) ที่กรุงปักกิ่ง เมื่้อวันจันทร์ ว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ร่วมด้วยสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส ต่อเป้าหมาย 3 แห่งในซีเรีย เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการลบล้าง "พันธกรณีทางศีลธรรม" ของรัฐบาลมอสโก ในการระงับความช่วยเหลือด้านระบบป้องกันขีปนาวุธให้แก่รัฐบาลดามัสกัส
Scoop: Russia to give S-300 anti-aircraft systems to Syria for free, speeding up their delivery to hinder future US-led missile strikes. https://t.co/37a0ZVLugC
— Lucian Kim (@Lucian_Kim) April 23, 2018
ทั้งนี้ ลาฟรอฟกล่าวด้วยว่า การส่งมอบระบบป้องกันขีปนาวุธของรัสเซียให้แก่ซีเรีย "ไม่เคยเป็นความลับ" แต่รัฐบาลมอสโกยังไม่ได้ตัดสินใจกรณีการจัดส่งระบบรุ่นเอส-300 ให้แก่รัฐบาลดามัสกัส ตามรายงานหลายกระแสที่ปรากฏตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลซีเรีย และจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ เมื่อทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงร่วมกัน
ถ้อยแถลงดังกล่าวของลาฟรอฟมีขึ้นในเวลาเดียวกับที่หนังสือพิมพ์ "คอมเมอร์แซนต์" ของรัสเซีย เป็นสื่อรายล่าสุดที่รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลมอสโกอาจส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศรุ่นเอส-300 ไปยังซีเรียภายในอนาคตอันใกล้นี้ "โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย" ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลพยายามคัดค้านให้ปูตินทบทวนการตัดสินใจ ด้านกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลปฏิเสธให้ข้อมูลในเรื่องนี้
อนึ่ง กองทัพซีเรียและรัสเซียเผยว่าระบบป้องกันทางอากาศรุ่นเอส-125 และเอส-200 ซึ่งผลิตขึ้นตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต สามารถป้องกันการโจมตีของขีปนาวุธที่สหรัฐและพันธมิตรระดมยิงเข้ามา ในปฏิบัติการเมื่อต้นเดือนนี้ ได้มากถึง 71 จากทั้งหมด 103 ลูก ขณะที่สหรัฐสงวนท่าทีต่อสถิติดังกล่าว แต่เผยว่าใช้ขีปนาวุธในปฏิบัติการทั้งสิ้น 105 ลูก และ "เข้าเป้าทุกลูก".
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " สหรัฐ ‘เพิ่มความชอบธรรม’ ให้รัสเซียตั้งเอส-300 ในซีเรีย "