ยิวยอมรับบอมบ์เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในซีเรียเมื่อปี 2550

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอล ( ไอดีเอฟ ) ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธ มีสาระสำคัญว่าระหว่างวันที่ 5 ถึง 6 ก.ย. 2550 เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ของกองทัพอากาศอิสราเอลจำนวน 4 ลำ ทิ้งระเบิดทำลายเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ในจังหวัดเดอีร์ เอส-ซอร์ ที่อยู่ทางตะวันออกของซีเรีย ซึ่งกำลังอยู่ใน “กระบวนการขั้นสุดท้าย” เนื่องจากภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ของซีเรียไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออิสราเอลเท่านั้น แต่ทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เช่นกัน

For the first time ever, 10 years later, the IAF reveals to the world a key operation to de-escalate conflict in the region. Could keep a secret like this?

Read more: https://t.co/UStChpKLdm

— IDF March 21, 2018

ทั้งนี้ รายงานระบุด้วยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวภายใต้รหัส “ดอกกล้วยไม้” ใช้เวลานานประมาณ 4 ชั่วโมง และสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่เป้าหมายจนอยู่ในสภาพที่ “ยากแก่การฟื้นฟู” โดยภารกิจเป็นไปตามรายงานวิเคราะห์ของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ หรือ “มอสซาด” ซึ่งสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวด้านโครงการนิวเคลียร์ของซีเรียมานานกว่า 2 ปี ก่อนได้ข้อสรุปเมื่อเดือนมี.ค. 2550 ว่าซีเรียมาเตาปฏิกรณ์ขนาดใหญ่จริง ตั้งอยู่กลางทะเลทราย ใกล้กับแม่น้ำยูเฟรติส ในจังหวัดเดอีร์ เอส-ซอร์ ทางตะวันออกของซีเรีย โดยรายงานมอสซาดระบุด้วยว่า หากปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป เตาปฏิกรณ์จะทำงานอย่างเต็มที่ภายในสิ้นปีเดียวกัน

No Longer a Secret: How Israel Destroyed Syria's Nuclear Reactorhttps://t.co/OS9Q7tAKxd pic.twitter.com/xhgt0f0bxq

— Haaretz.com March 21, 2018

Based on conversations with more than two dozen people involved, Haaretz reveals how the reactor was discovered almost by accident – just months before it became operationalhttps://t.co/OS9Q7tAKxd pic.twitter.com/ZjBTwzCwd5

— Haaretz.com March 21, 2018

อนึ่ง การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวของไอดีเอฟเป็นไปตามกำหนดครบระยะเวลา 1 ทศวรรษของการเก็บรักษาข้อมูลปฏิบัติการดอกกล้วยไม้ และให้มีการเผยแพร่ข้อมูลบางส่วน ขณะที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลอิสราเอลและสำนักข่าวกรองกลาง ( ซีไอเอ ) ของสหรัฐ สงวนท่าทีเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมาก.