ผิดหวัง! พิพิธภัณฑ์ล้างเผ่าพันธุ์สหรัฐถอดรางวัลเชิดชู "ซูจี" เหตุดูดายชะตากรรมโรฮีนจา

แฟ้มภาพ นางออง ซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลพม่า (เอเอฟพี)

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของสหรัฐอเมริกา ประกาศถอนรางวัล “เอลี วีเซล” ที่ทางพิพิธภัณฑ์มอบให้นางออง ซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลพม่า เมื่อ 6 ปีก่อนในฐานะที่นางซูจีเป็นผู้นำที่กล้าหาญและเป็นผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้กับระบอบปกครองที่กดขี่ และส่งเสริมเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยช์ของประชาชนชาวพม่า จากการเป็นผู้นำในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศและทำให้นางซูจีคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพไปในปี 2534

โดยพิพิธภัณฑ์ฯของสหรัฐให้เหตุผลในการถอนรางวัลเชิดชูเกียรตินี้ที่ให้แก่นางซูจี เนื่องจากเห็นว่านางซูจี ที่ปัจจุบันเป็นผู้นำรัฐบาลพม่า ลงมือทำเพียงเล็กน้อยในการจะยุติการล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮีนจา ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในประเทศพม่า

“ขณะที่การปราบปรามชาวโรฮีนจาของกองทัพถูกเปิดเผยในปี 2559 และ 2560 เราหวังว่าคุณ ในฐานะผู้ที่เราและคนอีกจำนวนมากยกย่องในสิ่งที่คุณทำเพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชนสากล จะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อประณามและหยุดยั้งการปราบปรามทางทหารอันโหดร้ายและแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับชาวโรฮีนจีนที่ตกเป็นเป้าหมาย” จดหมายของพิพิธภัณฑ์ฯที่ส่งถึงนางซูจีระบุ และว่า พรรคสันนิบาตแห่งชาติ(เอ็นแอลดี)ของนางซูจีกลับปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับทีมสอบสวนของสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ในเรื่องนี้และยังใช้วาทกรรมในการต่อต้านชาวโรฮีนจา นอกจากนี้พรรคเอ็นแอลดียังขัดขวางสื่อมวลชนที่พยายามจะรายงานถึงการสังหารหมู่และการขับไล่ชาวโรฮีนจาออกนอกประเทศไปยังบังกลาเทศด้วย

ทั้งนี้นางซูจีและรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักต่อการแก้ไขวิกฤตชาวโรฮีนจาที่ถูกกองทัพปราบปรามอย่างหนักจนต้องหนีภัยความรุนแรงไปยังประเทศบังกลาเทศแล้วกว่า 700,000 คน สำหรับรางวัลเอลี วีเซล เป็นรางวัลที่ตั้งตามชื่อของ นายเอลี วีเซล ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของนาซีเยอรมัน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตที่เหลือในการรรณรงค์เคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน และได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2529