ภาวะฉุกเฉินยังคุมไม่อยู่ เหตุม็อบพุทธปะทะมุสลิม รบ.ต่างชาติเตือนพลเมืองระวังไปศรีลังกา

รอยเตอร์
p>เมื่อวันที่ 7 มีนาคม สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า เหตุจลาจลจากการปะทะกันของชาวพุทธและมุสลิมในประเทศศรีลังกายังคงดำเนินต่อไป แม้เมื่อวันก่อนหน้ารัฐบาลศรีลังกาจะประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 10 วัน เพื่อควบคุมเหตุความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นจากความรู้สึกต่อต้านชาวมุสลิมที่เป็นชนกลุ่มน้อยในศรีลังกาก็ตาม

โฆษกตำรวจศรีลังกาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องฉีดแก๊สน้ำตาเข้าสลายกลุ่มผู้ก่อเหตุจลาจลในหมู่บ้านเมนิคินนะ ชานเมืองแคนดี้ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุขัดแย้งจุดใหม่ หลังจากเกิดการปะทะกันขึ้นในช่วงกลางดึกคืนวันก่อน ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัฐบาลภาวะฉุกเฉิน เป็นผลให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ขณะที่มีผู้ก่อเหตุถูกจับกุมตัวไป 7 คนจากการละเมิดเคอร์ฟิวและพยายามจะก่อความไม่สงบขึ้น

รอยเตอร์

ในวันเดียวกันนี้ โรงเรียนหลายแห่งในเมืองแคนดี้ยังคงปิดเรียน ในขณะที่ทางการศรีลังกาส่งกำลังทหารเข้าไปสมทบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความสงบและป้องกันเหตุความรุนแรงขยายวงลุกลามไปยังพื้นที่อื่น

รัฐบาลหลายชาติออกประกาศเตือนพลเมืองของตนให้ระมัดระวังในการเดินทางไปยังศรีลังกา โดยรัฐบาลอังกฤษระบุว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินของรัฐบาลศรีลังกาอาจเป็นผลให้มีการบังคับใช้เคอร์ฟิวในพื้นที่จำเพาะ จึงขอให้ชาวอังกฤษระมัดระวัง หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการชุมนุมประท้วงและให้ปฏิบัติตามข้อบังคับด้านความมั่นคงของทางการ

ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศเตือนพลเมืองให้ระมัดระวังในการเดินทางไปศรีลังกาและให้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าวจากสื่อท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างชนชาวพุทธและชาวมุสลิมในศรีลังกาทวีความตึงเครียดหนักขึ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม หลังจากมีการพบศพชายชาวมุสลิม อายุ 24 ปี รายหนึ่งอยู่ในอาคารที่ถูกจุดไฟเผาโจมตี ขณะที่หนึ่งวันก่อนหน้ายังเกิดการปะทะกันระหว่างชาวพุทธและมุสลิมหลังจากเกิดเหตุชายชาวสิงหลที่เป็นชาวพุทธถูกกลุ่มชายมุสลิมรุมตีทำร้ายจนเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ก่อน

จากการปะทะกันในช่วงเวลา 2 วัน มีบ้านเรือนกว่า 150 หลัง ร้านรวง มัสยิดและรถยนต์ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุจลาจลจุดไฟเผาเสียหาย และเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย