
สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน เสด็จฯ ไปทรงร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลก เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส เมื่อวันที่ 25 ม.ค. (แฟ้มภาพ)
เอเอฟพี – สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดนพระราชทานสัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็น ระบุสหรัฐฯ ยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญในกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวางต่อจุดยืนของอเมริกาต่ออิสราเอลก็ตาม
บทพระราชทานสัมภาษณ์ผ่านรายการ Fareed Zakaria GPS ซึ่งบันทึกเทประหว่างการประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส และสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นได้นำมาออกอากาศเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) สมเด็จพระราชาธิบดีตรัสว่า “กระบวนการสันตภาพหรือทางออกอย่างสันติจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากบทบาทของสหรัฐอเมริกา”
พระองค์ทรงย้ำว่าสิ่งนี้เป็นความจริง แม้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะสั่งย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลมก็ตาม
เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา สมเด็จพระราชาธิบดีทรงวิจารณ์การตัดสินใจของ ทรัมป์ ว่าเป็นการ “ฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ” และได้ทรงแสดงความวิตกกังวลผ่านรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ซึ่งเดินสายเยือนตะวันออกกลางเมื่อเดือนที่แล้ว
ในบทพระราชทานสัมภาษณ์ล่าสุด พระองค์ทรงเตือนว่า ทรัมป์ ได้ “ก่อปฏิกิริยาแก้แค้น” หลังจากทำให้ชาวปาเลสไตน์รู้สึกว่า “ไม่มีใครเป็นคนกลางที่ซื่อสัตย์แม้แต่คนเดียว”
“แต่เราก็ไม่อยากด่วนตัดสิน และยังรอดูแผนการของฝ่ายอเมริกาอยู่”
ท่าทีของ ทรัมป์ เรียกเสียงชื่นชมจากฝ่ายอิสราเอล แต่ถูกประณามจากทั่วโลก และยังกลายเป็นชนวนให้ชาวอาหรับและมุสลิมออกมาประท้วงต่อต้านสหรัฐฯ
ชาวปาเลสไตน์ต้องการได้เยรูซาเลมฝั่งตะวันออกเป็นที่ตั้งเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และหวังว่าการเจรจาสันติภาพจะนำไปสู่การยอมรับสถานะของรัฐปาเลสไตน์ในระดับนานาชาติ
“ผมคิดว่าเราคงต้องยกประโยชน์ให้อเมริกาไปก่อน และลองร่วมมือกันดูสักตั้ง” หลังจากที่ทำเนียบขาวประกาศแผนสันติภาพออกมา “แต่หากมันไม่ดีจริง ผมก็คิดว่าเรายังไม่มีแผนสองรองรับเลยในตอนนี้” สมเด็จพระราชาธิบดีตรัส
พระองค์ยังทรงเตือนด้วยว่า อนาคตของเยรูซาเลมมีเดิมพันที่สูงมาก
“นี่คือเมืองที่อาจสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่เราในอนาคต หรืออาจจะเป็นร่มที่ให้ความหวังแก่เราก็ได้… มันอาจเป็นเมืองที่สร้างความผูกพันระหว่างเรา หรือก่อความก้าวร้าวรุนแรงชนิดที่เราไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน”
เยรูซาเลมตะวันออกเคยอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลจอร์แดน จนกระทั่งอิสราเอลบุกเข้ายึดครองหลังสงคราม 6 วันในปี 1967 และประกาศว่านครเยรูซาเลมทั้งหมดเป็น “เมืองหลวงอันแบ่งแยกมิได้” ของอิสราเอล ซึ่งเป็นสถานะที่นานาชาติยังคงไม่ให้การยอมรับ
ที่มาของเนื้อหา:mgronline.com
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " กษัตริย์จอร์แดนชี้สันติภาพ “ยิว-ปาเลสไตน์” เกิดไม่ได้ถ้าปราศจาก “สหรัฐฯ” "