เพนตากอนเซ็นเซอร์ข้อมูลอัฟกานิสถานเป็นครั้งแรก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ว่าสำนักงานผู้ตรวจสอบพิเศษด้านการฟื้นฟูอัฟกานิสถาน ( ซิการ์ ) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่สภาคองเกรสก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 เพื่อการทำหน้าที่บริหารและตรวจสอบกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาอัฟกานิสถาน เผยแพร่รายงานประจำไตรมาสแรกของปีนี้ ที่มีสาระสำคัญว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐ “ไม่อนุญาต” ให้ซิการ์ตีพิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับ “จำนวนที่แน่นอน” ของเขตการปกครองในอัฟกานิสถาน จำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในแต่ละเขต และเขตใดอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลคาบูล เขตใดอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มตาลีบัน และเขตใดซึ่งเป็น “พื้นที่ขัดแย้ง” ระหว่างทั้งสองฝ่าย
 

Watchdog: Pentagon blocks information on insurgent dominance in Afghanistan https://t.co/SeTfYYorjj

— Stars and Stripes (@starsandstripes) January 30, 2018

Afghanistan has suffered its 4th terror attack in the past 9 days. This time, 11 were killed at a site in Kabul, where both Taliban and Islamic State extremists are waging a violent new campaign. @johnyangtv reports pic.twitter.com/mPO3DCuROG

— PBS NewsHour (@NewsHour) January 29, 2018

ทั้งนี้ รายงานระบุด้วยว่า นายจอห์น ซอปโก หัวหน้าคณะผู้ตรวจการได้โต้แย้งไปยังเพนตากอนแล้วว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็น “ข้อมูลลับ” แต่อีกฝ่ายตอบกลับด้วยการยืนกรานว่า “ไม่สามารถเผยแพร่ได้ในทุกกรณี” โดยไม่มีการให้เหตุผลอย่างชัดเจน ซิการ์จึงตำหนิท่าทีของเพนตากอนด้วยการระบุลงไปในรายงานว่า ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ขององค์กร ที่ซิการ์ไม่สามารถเผยแพร่ “ข้อมูลที่ไม่เป็นความลับ” ต่อชาวอเมริกันซึ่งเป็นเจ้าของงบประมาณในการจัดทำรายงานฉบับนี้ได้

 
อนึ่ง รายงานฉบับก่อนหน้านั้นของซิการ์ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ระบุว่ากลุ่มตาลีบันมีพื้นที่ปกครองในอัฟกานิสถาน 43% ของอาณาเขตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 3% จากสถิติของเดือนก.ค.ปีเดียวกัน ซึ่งอยู่ที่ 40% ด้านพล.อ.จอห์น นิโคลสัน ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในอัฟกานิสถาน กล่าวต่อสภาคองเกรสเมื่อเดือนก.พ.ปีที่แล้ว ยอมรับว่าสงครามในอัฟกานิสถานที่ยาวนานกว่า 16 ปี “ไม่คืบหน้าไปไหน” แต่เชื่อมั่นว่าจะสามารถเอาชนะกลุ่มตาลีบันได้ในที่สุด บ่งชี้ "ความเลวร้าย" ของสถานการณ์ที่เพนตากอนยืนกรานปฏิเสธเปิดเผย

รายงานดังกล่าวของซิการ์ได้รับการเผยแพร่ออกมาเพียงไม่กี่วัน หลังกลุ่มตาลีบันใช้วิธีซุกซ่อนระเบิดภายในรถพยาบาล แล้วขับผ่านด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในกรุงคาบูล เมื่อวันเสาร์ที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา แรงระเบิดเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 103 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 235 คน ตามด้วยกลุ่มไอเอสก่อเหตุโจมตีด้านตรวจใกล้กับโรงเรียนเตรียมทหารในกรุงคาบูล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สังหารทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 11 นาย แต่เจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้ายได้ 4 คน และจับเป็นได้คนหนึ่ง.