ยิงดับไป 7 ศพ ชาวบ้านพุทธบุกที่ทำการรัฐบาลรัฐยะไข่ ตร.เผยกระสุนยางเอาไม่อยู่เลยใช้กระสุนจริง

วันที่ 17 ม.ค. เอเอฟพีรายงานว่า พันเอกเมียว โซ โฆษกตำรวจเมียนมา แถลงถึงเหตุจลาจลที่ชาวพุทธชาติพันธุ์ยะไข่ในรัฐยะไข่พยายามเข้ายึดที่ทำการรัฐบาลว่า ทางตำรวจได้ยิงฝูงชนที่ก่อจลาจลขณะที่พยายามเข้ายึดที่ทำการรัฐบาล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 13 คน ตำรวจกว่า 20 นายบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย

เหตุเกิดตอนดึกวันอังคารที่ 16 ม.ค.  ผู้ชุมนุมชาวพุทธราว 5,000 คน เดินทางมาร่วมพิธีในเมืองมรัคอู ซึ่งรอดพ้นจากการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธชาวมุสลิมโรฮิงยา ยังไม่ชัดเจนว่าทำไมการชุมนุมจึงกลายเป็นเหตุรุนแรง แต่อาจเกิดจากการต่อต้านชาวมุสลิมโรฮิงยากลับมาในรัฐยะไข่

นักสังเกตการณ์ตั้งข้อสังเกตว่าการปะทะระหว่างชาวยะไข่กับเจ้าหน้าที่เกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่รัฐบาลเมียนมากับรัฐบาลบังกลาเทศลงนามในข้อตกลงส่งโรฮิงยากลับเมียนมา เพื่อทยอยส่งกลับชาวมุสลิมโรฮิงยาจำนวน 655,000 คนในบังคลาเทศกลับถิ่นฐาน

ขณะเดียวกันปมขัดแย้งระหว่างชาติพันธุ์อาจเป็นเหตุให้ก่อจลาจล ชาวบ้านชาติพันธุ์ยะไข่อาฆาตกลุ่มชาติพันธุ์บะหม่าหรือพม่าที่ครอบงำประเทศเมียนมา ทำให้ชาวยะไข่ยากจนและไม่มีความสำคัญ

โฆษกตำรวจระบุว่าฝูงชนเป็นสาเหตุเริ่มความรุนแรง โดยการขว้างหินเข้าสำนักบริหารงานของเขตมรัคอู และชักธงรัฐยะไข่ขึ้นสู่ยอดเสา เจ้าหน้าที่ขอร้องให้ชาวบ้านยะไข่สลายตัวและได้ยิงเตือนด้วยกระสุนยางแต่ชาวบ้านยังไม่หยุด ตำรวจจึงต้องใช้กระสุนจริง

ปัจจุบันตำรวจควบคุมเหตุได้แล้ว เจ้าหน้าที่ความมั่นคงประจำจุดต่างๆ ในเมือง ขณะที่นักสังเกตการณ์ระบุว่า เหตุความรุนแรงดังกล่าวอาจเปิดฉากใหม่ของความสงบในรัฐยะไข่ อาจเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงระหว่างชุมชน

“ในส่วนระดับความรุนแรงบางส่วนขึ้นกับว่าเจ้าหน้าที่ความมั่นคงตอบสนองต่อเหตุการณ์ในช่วงดึก ดีหรือแย่อย่างไร” น.ส.กาเบรียล อารอน นักวิเคราะห์อิสระกล่าว