
ทางการอิสราเอลสุดแสบประกาศเปิดโบสถ์ยิวแห่งใหม่ภายใต้กำแพง Al-Buraq ซึ่งหรือที่ชาวยิวเรียกว่ากำแพงตะวันตกหรือกำแพงร้องให้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัล-อักซอ ในเยรูซาเล็ม มัสยิดสำคัญลำดับที่ 3 ในศาสนาอิสลาม รองจากมัสยิดฮารอม มักกะห์ และมัสยิดอันนะบาวีย์ มะดีนะห์
12 ปีของการก่อสร้างโบสถ์แห่งใหม่ถูกเปิดบริการในวันจันทร์ที่(25 ธันวาคม)ผ่านมา มูลนิธิมรดกแห่งกำแพงตะวันตกซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลอิสราเอลกล่าวในแถลงการณ์
“การออกแบบที่ไม่ซ้ำกันของห้องสวดมนต์ รวมทั้งศิลปะหายากและการให้แสงที่ไม่ซ้ำกันสร้างความแตกต่างที่ยอดเยี่ยมระหว่างสมัยโบราณ และสมัยใหม่” แถลงการณ์ระบุ
ก่อนหน้านี้สถาบันอิสลามในกรุงเยรูซาเล็มตะวันออกได้ยื่นประท้วงหลายครั้ง เกี่ยวกับการขุดเจาะที่ถูกเจ้าหน้าที่อิสราเอลขุดใต้ฐานรากของอาคารมัสยิด
ในแถลงการณ์ Sheikh Ekrema Sabri หัวหน้าคณะมนตรีอิสลามกรุงเยรูซาเล็ม และอิหม่ามประจำมัสยิด อัล-อักซอกล่าวว่ากำแพง Al-Buraq เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงตะวันตกของมัสยิด อัล-อักซอ
“กำแพงเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางศาสนาอิสลามของเรา และจะยังคงอยู่ต่อไปตราบจนวันแห่งการพิพากษา” เชค Sabri กล่าว
“การยึดครองของอิสราเอลไม่สิทธิเหนือมรดกของกรุงเยรูซาเล็ม” เขากล่าวเสริม “โบสถ์แห่งใหม่นี้ … ไม่มีรากฐานทางประวัติศาสตร์”
“การก่อสร้างอาคารใหม่ทั้งหมดโดยหน่วยงานของอิสราเอลผู้ยึดครองในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเรื่องนอกกฎหมาย และไม่มีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์” เชค Sabri กล่าว พร้อมเสริมว่าเมืองศักดิ์สิทธิ์ “ไม่สามารถแบ่งแยกได้”
ในเดือนตุลาคมปี 2016 ยูเนสโกได้ลงมติยืนยันว่าชาวยิวไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ ต่อประวัติศาสตร์ของมัสยิด อัล-อักซอ และกำแพง Al-Buraq ในกรุงเยรูซาเล็มที่ถูกยึดครอง
ความตึงเครียดเกิดขึ้นในดินแดนที่ถูกยึดครองเนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศรับรองกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ขณะที่ 128 ชาติลงมติผ่านที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติค้านการกระทำของสหรัฐฯ แต่อิสราเอลกลับเดินหน้าให้ชาติพันธมิตรย้ายสถานทูตไปยังกรุงเยรูซาเล็ม แม้จะเป็นการกระทำที่ขัดต่อมติ 242 และอีกหลายมติที่เกี่ยวข้องกันก็ตาม
ที่มา:i-newsmedia.net
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ยิวแสบ!ขุดใต้มัสยิด อัล-อักซอ เปิดบริการเป็นโบสถ์ยิว "