ซาอุฯ ยอมรับข้อเสนออดีตผู้นำเยเมน ขอเจรจา แก้ปัญหาสงครามกลางเมือง

กองกำลังพันธมิตรนำโดยซาอุดีอาระเบีย ตอบรับข้อเสนอขอเจรจาของ อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ อดีตผู้นำเยเมนผู้ถูกโค่นอำนาจในการปฏิวัติดอกมะลิ เพื่อร่วมมือกันหาทางออกจากเหตุสงครามกลางเมือง…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองกำลังพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดีอาระเบีย ยอมรับข้อเสนอขอเจรจาของ นายอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ อดีตผู้นำเยเมน หลังจากกองกำลังของเขากับพันธมิตรอย่างกบฏ ‘ฮูธิ’ ที่กำลังยึดครองเยเมน หลังขับไล่รัฐบาลประธานาธิบดี อับรับบูห์ มานซูร์ ฮาดี เริ่มไม่ลงรอยกัน และมีรายงานการปะทะกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายในกรุงซานาหลายครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ อดีตประธานาธิบดีเยเมน

กองกำลังพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดีอาระเบีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า การตัดสินใจที่จะเป็นผู้นำ และอยู่ข้างประชาชนของพวกเขา จะปลดปล่อยเยเมนจากกลุ่มติดอาวุธที่ภักดีต่ออิหร่าน ขณะที่นายซาเลห์กล่าวว่า เขาพร้อมจะเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า หากกองกำลังพันธมิตรฯ ยกเลิกการปิดกั้นและหยุดการโจมตี

“ผมขอเรียกร้องต่อพี่น้องในประเทศเพื่อนบ้าน และพันธมิตร ให้หยุดการรุกราน, ยกเลิกการปิดล้อม, เปิดสนามบิน และอนุญาตให้ส่งความช่วยเหลือด้านอาหาร ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แล้วเราจะเริ่มต้นกันใหม่ด้วยคุณธรรมแห่งเพื่อนบ้านของเรา” นายซาเละห์ แถลงผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่งเขาเสริมด้วยว่า “เราจะจัดการกับพวกเขาด้วยวิธีการเชิงบวก และสิ่งที่เกิดขึ้นในเยเมนนั้นมันเกินพอแล้ว”

ด้านประธานาธิบดี ฮาดี ซึ่งนานาชาติยังคงยอมรับให้เป็นประธานาธิบดีแห่งเยเมน ออกมาแสดงความยอมรับแถลงการณ์ของนายซาเลห์ และระบุว่า เขาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ เพื่อต่อต้านกบฏฮูธิ รวมทั้งเรียกร้องให้กลุ่มการเมืองทุกฝ่ายเริ่มต้นใหม่ จัดตั้งคณะกรรมการร่วมแห่งชาติ เพื่อวางรากฐานเพื่อยุคใหม่และความเป็นหนึ่งเดียวของผู้คน ในการต่อสู้กับการกลุ่มติดอาวุธที่ก่อรัฐประหาร

อับดุล-มาลิก อัล-ฮูธิ หัวหน้ากบฏฮูธิกล่าวปราศรัยผ่านโทรทัศน์

อย่างไรก็ตาม โฆษกของกบฏฮูธิออกมาประณามแนวคิดของนายซาเลห์ โดยระบุว่า คำพูดของเขาเป็นการก่อรัฐประหารต่อความเป็นพันธมิตร และหุ้นส่วนของพวกเขา และเป็นการเปิดเผยให้เห็นการหลอกลวงของเหล่าผู้ที่อ้างตัวว่าต่อต้านการรุกราน

ทั้งนี้ เหตุสงครามกลางเมืองในประเทศเยเมน ซึ่งดำเนินมาเกือบ 3 ปีทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 8,670 ราย และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 49,960 คน เหตุความรุนแรง และการปิดกั้นของกองกำลังพันธมิตรอาหรับ ยังทำให้ประชาชนมากกว่า 20 ล้านคนจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม กลายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงทางอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งยังมีการระบาดของเชื้ออหิวาต์ จนมีผู้เสียชีวิต 2,211 ราย นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมด้วย

ที่มา: bbc

ที่มาของเนื้อหา : www.thairath.co.th