
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ว่าสันนิบาตอาหรับซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงไคโร เผยแพร่แถลงการณ์ของนายอาเหม็ด อาบูล เกอิต เลขาธิการใหญ่ ว่าหากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจยอมรับกรุงเยรูซาเลมให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล นอกจากเป็นการดำเนินการที่ “ไม่ชอบธรรม” แล้ว ยังไม่ใช่หนทางเหมาะสมเพื่อสร้างเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง มีแต่จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงและส่งผลให้ภูมิภาคต้อง “ลุกเป็นไฟ” มากยิ่งขึ้นเท่านั้น เนื่องจากเป็นการมอบผลประโยชน์ให้แก่กลุ่มคนเพียงฝ่ายเดียว นั่นคือรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความรุนแรงและวุ่นวายทั้งหมดในตะวันออกกลาง
นายอาเหม็ด อาบูล เกอิต เลขาธิการใหญ่สันนิบาตอาหรับ
แถลงการณ์ดังกล่าวของเลขาธิการใหญ่สันนิบาตอาหรับมีขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวที่แพร่สะพัดไปทั่ว ว่าผู้นำสหรัฐเตรียมแถลงในช่วงกลางสัปดาห์นี้ ประกาศยอมรับกรุงเยรูซาเลมในฐานะ “เมืองหลวงอย่างเป็นทางการ” ของอิสราเอล และการเตรียมย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟ ที่ถือเป็นเมืองหลวงทางราชการของอิสราเอล ไปตั้งยังกรุงเยรูซาเลมแทน
ด้านประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ กล่าวว่ากระบวนการเจราสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอล “ถือเป็นอันสิ้นสุด” ในกรณีที่สหรัฐยอมรับสถานะของกรุงเยรูซาเลมให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ส่วนกลุ่มฮามาสประกาศเตรียม “เคลื่อนไหวทางทหารครั้งสำคัญ” เพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐ “ยึดครอง” กรุงเยรูซาเลมผ่านการมอบอำนาจให้อิสราเอล
ทั้งนี้ สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ไม่เคยยอมรับกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของฝ่ายใด โดยยืนยันว่าต้องเป็นการตัดสินผ่านการเจรจาร่วมกันอย่างสันติระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์เท่านั้น ขณะที่แม้สภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายสถานเอกอัครราชทูตในกรุงเยรูซาเลม เมื่อปี 2538 เพื่อเรียกร้องการย้ายสถานที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตในอิสราเอล แต่หากไม่เห็นชอบ กฎหมายระบุให้ประธานาธิบดีต้องลงนามคัดค้านทุก 6 เดือน เพื่อให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐตั้งอยู่ที่กรุงเทลอาวีฟต่อไป ซึ่งทรัมป์มีเวลาถึงวันจันทร์ที่ 4 ธ.ค.นี้ตามเวลาท้องถิ่น ในการลงนามชะลอการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้อีกครั้ง.
คลิปประกอบ : Al Jazeera English
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " สันนิบาตอาหรับเตือนทรัมป์อย่ารับรองสถานะเยรูซาเลม "